ความยั่งยืน

โลกร้อนทำอินเดียระอุ อุณหภูมิแตะ 52.9 องศา! พบเสียชีวิตแล้วกว่า 50 ราย

1 มิ.ย. 67
โลกร้อนทำอินเดียระอุ อุณหภูมิแตะ 52.9 องศา! พบเสียชีวิตแล้วกว่า 50 ราย

‘อินเดีย’ กำลังเจอสภาวะอากาศร้อนจัดจากคลื่นความร้อนในหลายพื้นที่ อุณหภูมิในกรุงนิวเดลีพุ่งแตะ 52.9 องศา ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกมาในประเทศ ทำให้รัฐบาลต้องสั่งหยุดเรียน และหยุดการทำงานกลางแจ้ง นักวิทยาศาสตร์คาดเป็นเพราะภาวะโลกร้อน ทำให้หน้าร้อนอากาศรุนแรงกว่าปกติ

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีหลายเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เป็นผลกระทบมาจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปจากภาวะโลกร้อน ล่าสุด อินเดียก็ต้องเจอกับภาวะอากาศแบบสุดขั้วที่อาจเกิดจากภาวะโลกร้อนบ้างแล้ว หลังจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายพื้นที่ทางเหนือและตะวันออกของอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นกรุงนิวเดลี รัฐพิหาร รัฐโอฑิศา รัฐหรยาณา และรัฐอุตตรประเทศ ต้องเจอกับอากาศร้อนจัดที่ทะลุ 50 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่ และหลายครั้งต่อวัน

afp__20240529__34u73e4__v1__h

ในวันพุธที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา กรุงนิวเดลีบันทึกอุณหภูมิไว้ได้สูงสุดถึง 52.9 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับอุณหภูมิที่สูงที่สุดเท่าที่อินเดียเคยบันทึกมา และสูงผิดปกติจนมีการคาดการณ์ว่าอาจเกิดขึ้นจากการที่เครื่องวัดเกิดขัดข้อง ซึ่งในขณะนี้กำลังมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันอยู่

นอกจากนี้ ในรัฐหรยาณาทางเหนือ ซึ่งอยู่ติดกับกรุงนิวเดลียังบันทึกอุณหภูมิไว้ได้สูงถึง 47.5 องศาเซลเซียสในวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งเป็นอันตรายต่อการใช้ชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก

อากาศที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ประชากรในหลายพื้นที่เจอภาวะฮีทสโตรก และทำให้โรงพยาบาลต้องตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษขึ้นมาเพื่อดูแลผู้ป่วยที่มีอาการป่วยจากอากาศร้อนโดยเฉพาะ ขณะที่รัฐบาลสั่งหยุดโรงเรียน และสั่งให้นายจ้างในภาคการก่อสร้างให้ลูกจ้างหยุดงานแบบได้ค่าจ้างในช่วงบ่ายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการป่วยและเสียชีวิตเกิดขึ้นจากการทำงานกลางแจ้ง

นอกจากนี้ ในกรุงนิวเดลี ประชาชนยังต้องประสบกับวิกฤตขาดแคลนน้ำ จากการที่แม่น้ำแห้งขอด ทำให้น้ำประปาไม่ไหลในหลายพื้นที่ ทำให้รัฐบาลต้องจัดรถบรรทุกน้ำเข้าไปบริการประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

afp__20240530__34ua8jb__v1__h

 

พบผู้เสียชีวิตจากอากาศร้อนกว่า 50 คน

จากการรายงานของสื่ออินเดีย และสื่อต่างประเทศ ในช่วงสัปดาห์ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีประชากรอินเดียเสียชีวิตจากอากาศร้อนแล้วมากกว่า 50 คน ส่วนมากเพราะอาการจากฮีทสโตรกและอากาศจากโรคที่เกี่ยวเนื่องกับความร้อนอื่นๆ

หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นแรงงานอายุ 40 ปีในกรุงนิวเดลีที่เสียชีวิตในวันพุธที่ผ่านมาจากอาการจากฮีทสโตรก อย่างน้อย 29 คนเป็นประชากรในรัฐวิหารและรัฐโอฑิศา อย่างน้อย 4 คนเป็นประชากรในรัฐฌารขัณฑ์ และอย่างน้อย 5 คน รวมไปถึงเด็กอายุ 12 และ 14 เป็นประชากรในรัฐราชสถาน

afp__20240530__34ub3v6__v1__h

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดีย India Meteorological Department (IMD) ได้ออกมาเตือนประชาชนว่าคลื่นความร้อนในปีนี้ยังไม่หมด และจะยังคงส่งผลกระทบต่อประชากรอินเดีย โดยเฉพาะประชากรในทางตะวันออกต่อไปอีกซักพัก และเตือนให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และไม่ออกมาอยู่ในอากาศกลางแจ้งหากไม่จำเป็น

ทั้งนี้ ปี 2024 ก็ไม่ใช่ปีแรกที่อินเดียมีผู้เสียชีวิตจากภาวะอากาศร้อนจัด ในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมปี 2023 ที่ผ่านมา คลื่นความร้อนรุนแรงทำให้มีผู้เสียชีวิตในอินเดียและประเทศเพื่อนบ้านอย่างปากีสถานมากกว่า 100 คน และทำให้พืชผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่หลายหมื่นไร่ต้องถูกทำลาย กระทบกับความเป็นอยู่ของประชากรในภาคการเกษตร

 

คลื่นความร้อนที่รุนแรงในอินเดียปีนี้เกิดจากอะไร?

ในทุกๆ ปี อุณหภูมิในอินเดียมักจะสูงขึ้นสูงสุดในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน แต่ในปีนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดียได้ออกมาประกาศว่าอินเดียจะมี heatwave day หรือวันที่มีความคลื่นความร้อนรุนแรงและมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ 4.5-6.4 องศาเซลเซียสเป็นปริมาณมากกว่าสองเท่าจากปกติ

การเพิ่มขึ้นของจำนวน heatwave day เป็นผลโดยตรงมาจากการที่ ‘ลมจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน’ ซึ่งเป็นลมที่ควบคุมอุณหภูมิหน้าร้อนในอินเดียไม่ให้ร้อนมากเกินไป พัดมา ‘อ่อนกว่าปกติ’ ในรอบ 10-15 วันที่ผ่านมา ทำให้คลื่นความร้อน และอากาศร้อนแห้งจากปากีสถานและอัฟกานิสถานเข้ามาทำให้อากาศในอินเดียร้อนระอุกว่าปกติ

แม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าอะไรทำให้ลมดังกล่าวอ่อนแรงลงอย่างกะทันหันในปีนี้ ผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกมองว่า การที่อากาศแปะปรวนเป็นผลโดยตรงมาจากภาวะโลกร้อนและภาวะอากาศแปรปรวนที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษย์ และยังมีการวิจัยชี้อีกด้วยว่าภาวะโลกร้อนจะทำให้คลื่นความร้อนเกิดขึ้นมากกว่าปกติถึง 100 เท่า

ปัจจุบัน อินเดียเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก และตั้งเป้าหมายที่จะกลายเป็นประเทศที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2070 

 afp__20240530__34ue222__v1__h

 

อ้างอิง: Reuters 1, Reuters 2, CBS News

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT