หลังจากที่คนไทยหลายคนๆ คนเฝ้ารอ “ฤดูหนาว” ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวของทุกคน ที่เตรียมสัมผัสอากาศหนาวเย็นในหลายพื้นที่ภาคเหนือของไทย แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าฤดูหนาวในปีนี้ ความหนาวเย็นมาช้าลงเมื่อเทียบกับปี 65 และอาจมีช่วงระยะเวลาในความหนาวสั้นลง และอุณหภูมิมีค่าเฉลี่ยที่สูงขึ้น
อากาศที่แปรปรวน หนึ่งในผลพวงจากปรากฏการณ์ภัยทางธรรมชาติ โดยเฉพาะปรากฎการณ์เอลนีโญในปีนี้ ได้ทำให้สภาวะฝนในประเทศไทยเปลี่ยนไป เช่น ช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกหนัก และมีปริมาณน้ำท่วมในหลากหลายพื้นที่ อีกหนึ่งสิ่งที่พบในทางตรงกันข้ามของน้ำท่วมขัง นั้นก็คือ พื้นที่ห่างไกลบางแห่งแทบไม่มีน้ำใช้เลยสืบเนื่องจากภาวะภัยแล้ง จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ตรงตามฤดูกาล
นอกเหนือจากภาคการเกษตรแล้วที่ต้องพร้อมเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจไม่คาดคิด เหล่านักท่องเที่ยวทุกเตรียมควรเตรียมรับมือเช็คสภาพอากาศก่อนไปเที่ยวกันด้วย เพราะหากถ้าเราไม่เช็คสภาพอากาศล่วงหน้า ทริปที่วางแผนมาเนินนานก็อาจเป็นต้องยกเลิกได้กระทันหันได้
SPOTLIGHT จะพาทุกคนมารู้จักกับ ThaiWater แอปพลิเคชันสุดล้ำ ที่สามารถเช็คภาพรวมของสภาพอากาศ ปริมาณน้ำ ปริมาณฝนสะสม หรือระดับน้ำทุกพื้นที่ในประเทศไทย
แอปฯ ThaiWater เช็กน้ำ-ฝน-พายุ- เขื่อน ทั่วประเทศไทย
ThaiWater คือ แอปพลิเคชันของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ที่ได้รวบรวมจากคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศของประเทศไทยในแอปเดียว
โดยคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ มีการรวมรวบและเชื่อมโยงข้อมูล 52 หน่วยงาน จาก 12 กระทรวง มีระบบวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์น้ำที่ดีที่สุดในอาเซียน
-
สามารถดูภาพรวมของอากาศ ปริมาณน้ำ ปริมาณฝนสะสม หรือระดับน้ำ สามารถค้นหาพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งสถานการณ์ปัจจุบัน และข้อมูลคาดการณ์ล่วงหน้า แสดงข้อมูลทั้งแบบสรุป
-
ดูข้อมูลได้ทั้งแบบสรุปสถานการณ์ในภาพรวม ระดับประเทศ ระดับจังหวัดและรายละเอียดแต่ละด้านตลอด 24 ชั่วโมง
-
สามารถรายงานสถานการณ์ด้วยตนเองได้ โดยส่งภาพและข้อความเข้าสู่ระบบ ให้ผู้ใช้งานอื่นๆได้ทราบข้อมูล
-
ผู้ใช้สามารถเพิ่มสถานที่โปรด เพื่อติดตามสถานการณ์ระดับจังหวัดที่สนใจได้
ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการบนมือถือทั้้งระบบ Android และ IOS สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ผ่าน Play Store และ App Store โดยค้นหาคำว่า “ThaiWater” หรือ “คลังข้อมูลน้ำ”
จุดเริ่มต้นของแอปฯ ที่ริเริ่มจากในหลวงร.9
ที่มาของแอปฯ ‘ThaiWater’ เริ่มมาจาก ปีพ.ศ. 2538 ในช่วงนั้นประเทศไทยเกิดวิกฤตน้ำท่วมที่ภาคกลางอย่างหนัก ซึ่งในขณะนั้นในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พยายามหาหนทางแก้ไขอุกทภัยที่เกิดขึ้น แต่พบว่าข้อมูลของแต่ละหน่วนงานมีการกระจัดกระจาย ทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้ล้าช้า ท่านจึงมีความคิดว่า ควรนำข้อมูลทั้งหมดมารวมไว้ที่เดียว เพื่อสะดวกในการศึกษาและวิเคราะห์เห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น
หลังจากนั้นจึงได้ก่อตั้ง ‘โครงการระบบเครือข่ายเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำ’ ซึ่งรวบรวมข้อมูลน้ำจากหน่วยงานหลักของไทย เช่น กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมอุตุนิยมวิทยา และต่อมาก็พัฒนาเป็น ‘สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน)’ หรือ สสน. ที่ปัจจุบันรวมข้อมูลน้ำทั้งหมดของประเทศไทยกว่า 40 หน่วยงานมาไว้ในแอปพลิเคชัน ThaiWater ในสมาร์ตโฟน
ฝนตกหนัก ระวังพื้นที่เสี่ยงภัยใน 7 จังหวัด
นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.อว. ได้กล่าวว่า แม้ว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของภาคใต้ จนทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญต่างๆ เริ่มมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา รวมถึงบริเวณพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ออกประกาศเตือนภัย 7 จังหวัดพื้นที่เสี่ยง นั้นก็คือ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
เเละในช่วงสัปดาห์นี้จากลมหนาวที่พัดมาแรง จะทำให้มีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับทะเลจะมีคลื่นสูง ทำให้น้ำทะเลดันเข้ามาท่วมพื้นที่ลุ่มปากแม่น้ำได้
ดังนั้นระบบคาดการณ์สถานการณ์น้ำเต็มรูปแบบ 12 ระบบ และแอปพลิเคชันติดตามสถานการณ์น้ำ ThaiWater จะช่วยให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันสถานการณ์ล่วงหน้า เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ภัยแล้ง ภัยที่รัฐบาลไทยกังวลใจ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวด้วยความกังวลใจว่า จากทรัพยากรน้ำลดเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ด้วยผลพวงของ"เอลนีโญ"ในวันนี้ เพราะรัฐบาลได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการบริหารและจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ เพื่อให้เกิดความสมดุล และเพียงพอในทุกกิจกรรมการใช้น้ำ ส่วนสถานการณ์เอลนีโญ มีแนวโน้มดีขึ้น เพราะขณะนี้ อ่างเก็บน้ำทั้งประเทศมีประมาณ 70% ของความจุ
แต่อีก 1-2 ปี มีแนวโน้มที่หลายพื้นที่ของประเทศไทย อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เอลนีโญ ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ทั้งด้านการอุปโภค-บริโภค การเกษตร ปศุสัตว์ และอุตสาหกรรม ดังนั้นเราทุกคนต้องตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องน้ำ
ที่มา : สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ