Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทรัมป์ผ่อนกฎประหยัดน้ำมัน ผู้ผลิตรถแห่ชื่นชม แต่อาจไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทรัมป์ผ่อนกฎประหยัดน้ำมัน ผู้ผลิตรถแห่ชื่นชม แต่อาจไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม

4 ธ.ค. 68
18:07 น.
แชร์

3 ธันวาคม 2568 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศข้อเสนอให้ลดความเข้มงวดกฎเกณฑ์ด้านระยะไมล์ต่อแกลลอนของยานพาหนะสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ผ่อนปรนระเบียบให้ผู้ผลิตรถยนต์ในการควบคุมมลพิษ

แผนผ่อนปรนระเบียบผู้ผลิตรถ

แผนนี้ประกาศเมื่อวันพุธที่ทำเนียบขาว ในงานซึ่งมีผู้บริหารระดับสูงจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดสามรายของสหรัฐฯ เข้าร่วม  และเป็นอีกครั้งที่ทรัมป์ดำเนินการ “ย้อนกลับ” นโยบายจากยุคโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ซึ่งกฎการประหยัดน้ำมันของเขาได้รับเสียงบ่นว่าทำตามได้ยาก

ไบเดนส่งเสริมรถยนต์และรถบรรทุกที่ปล่อยมลพิษต่ำ อย่างรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างต่อเนื่อง เพราะการเผาไหม้น้ำมันเบนซินในยานพาหนะเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อน และในสหรัฐฯ นี่เองคือผู้ผลิตมลพิษจากลักษณะนี้มากที่สุดในโลก

การผ่อนปรนในครั้งนี้จะทำให้กฎความประหยัดน้ำมันผ่อนลงมาก กฎนี้กำหนดว่ารถรุ่นใหม่ต้องวิ่งได้กี่ไมล์ต่อแกลลอน (3.8 ลิตร) จนถึงรุ่นที่ผลิตในปี 2031

และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์ลดความเข้มงวดมาตราการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในวงการยานยนต์ ตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ผ่อนคลายกฎการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียของรถยนต์, ยกเลิกค่าปรับสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานระยะไมล์ของรัฐบาลกลาง และยุติการให้เครดิตแก่ผู้บริโภคสูงถึง 7,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (239,925 บาท) สำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

เจ้าหน้าที่บอกว่า กฎใหม่จะทำให้คนอเมริกันมีทางเลือกซื้อรถที่ใช้น้ำมันได้หลากหลายขึ้น และในราคาที่เอื้อมถึง รัฐบาลคาดว่ามาตรฐานใหม่จะกำหนดค่าเฉลี่ยความประหยัดน้ำมันของรถยนต์ขนาดเบาอยู่ที่ประมาณ 34.5 ไมล์ (65.5 กม.) ต่อแกลลอนในปี 2031 แนวทางนี้ยังเปิดทางให้ผู้ผลิตสามารถทำรถขนาดใหญ่ขึ้น เช่น SUV และสร้างกำไรมากขึ้นได้

ความเห็นแตกแยก กฎหมายใหม่ดีต่อใคร?

ด้านซีอีโอฟอร์ด จิม ฟาร์ลีย์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า การย้อนกลับไปใช้กฎดั้งเดิมเป็น “ชัยชนะสำหรับลูกค้าและสมเหตุสมผลดีแล้ว”

“ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของอเมริกา เราซาบซึ้งในภาวะผู้นำของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ปรับมาตรฐานความประหยัดน้ำมันให้สอดคล้องกับสภาพตลาดจริง เราสามารถสร้างความก้าวหน้าจริงได้ทั้งด้านการลดคาร์บอนและประสิทธิภาพพลังงาน ขณะยังคงให้ทางเลือกและความสามารถในการเข้าถึงแก่ลูกค้า” ฟาร์ลีย์กล่าว

อันโตนิโอ ฟิโลซา ซีอีโอของสเตลแลนทิสก็กล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชื่นชมการดำเนินการของรัฐบาลที่ “ปรับมาตรฐานใหม่ให้สอดคล้อง” กับ “สภาพตลาดจริง”

ด้านแดน เบคเกอร์ ผู้อำนวยการ Safe Climate Transport Campaign ของ Center for Biological Diversity กล่าวชื่นชมทรัมป์ว่า

“แค่ลงมือเพียงครั้งเดียว ทรัมป์แก้ปัญหา 3 ข้อที่หนักที่สุดของชาติไปได้ นั่นคือความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ค่าเชื้อเพลิงที่ปั๊มสูง และภาวะโลกร้อน” เขากล่าว

กลับกัน หลายส่วนมีความเห็นตรงข้าม และมองว่าการตัดสินใจของทรัมป์ไม่ได้เป็นผลดีต่อคนสหรัฐฯ หนึ่งในนั้นคือแคธริน การ์เซีย ผู้อำนวยการโครงการ Clean Transportation for All ของ Sierra Club 

“การรื้อโปรแกรม [ไมล์ต่อแกลลอนน้ำมันเบนซิน] จะทำให้รถยนต์เผาผลาญน้ำมันมากขึ้น และทำให้ครอบครัวอเมริกันใช้เงินมากขึ้น [...] การย้อนกลับนี้จะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ถอยหลัง ทำให้รถที่ก่อมลพิษยังคงอยู่บนถนนของเราอีกหลายปี และคุกคามสุขภาพของชาวอเมริกันนับล้าน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ” เธอกล่าว

ด้านรัฐบาลทรัมป์ระบุว่า ด้วยการถอนกฎหมายของไบเดน ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จะประหยัดเงินมากกว่า 35,000 ล้านดอลลาร์ในต้นทุนเทคโนโลยีจนถึงปี 2031 ภายใต้มาตรฐานความประหยัดน้ำมันที่ถูกลดทอนลงนี้

จีเอ็มจะประหยัดได้ 8.7 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2027 ถึง 2031 ขณะที่ฟอร์ดและสเตลแลนทิส (บริษัทแม่ของไครสเลอร์) แต่ละรายจะประหยัดได้มากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ NHTSA ระบุ ฮุนไดจะประหยัดได้ 4.6 พันล้านดอลลาร์ ซูบารุ 3.8 พันล้านดอลลาร์ และโตโยต้า 2.3 พันล้านดอลลาร์ รายงานระบุ

แต่ในเวลาเดียวกัน ค่าเชื้อเพลิงสำหรับผู้ขับขี่คาดว่าจะพุ่งสูงขึ้น และผู้ขับขี่ในสหรัฐฯ อาจต้องจ่ายเพิ่มมากถึง 185,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2050 ตามรายงานของ NHTSA

ข้ออ้างเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่เป็นความจริง

ตลอดมาทรัมป์ให้คำมั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะยุติสิ่งที่เขาเรียกว่า “การบังคับให้ใช้รถ EV” โดยอ้างถึงเป้าหมายของไบเดนที่ว่า รถยนต์ใหม่ครึ่งหนึ่งที่ขายจะต้องเป็นรถไฟฟ้าภายในปี 2030 

ตามข้อมูลของ Cox Automotive ในปี 2024 รถไฟฟ้ามีสัดส่วนประมาณ 8% ของยอดขายรถใหม่ในสหรัฐฯ 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีนโยบายของรัฐบาลกลางใดที่บังคับให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องขายรถไฟฟ้า แต่เน้นไปที่การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ เช่นในรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐอื่นบางรัฐ ที่จะออกกฎกำหนดว่ารถยนต์โดยสารใหม่ทั้งหมดที่ขายในรัฐต้องปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2035 ซึ่งทรัมป์และสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสได้ขัดขวางไว้เมื่อต้นปีนี้

รัฐมนตรีคมนาคมจากพรรครีพับลิกัน ฌอน ดัฟฟี ได้กระตุ้นให้มีการยกเลิกข้อกำหนดประหยัดน้ำ Corporate Average Fuel Economy เพียงไม่นานหลังเข้ารับตำแหน่ง อ้างว่า มาตรฐานที่กำหนดในยุคไบเดนละผิดกฎหมาย เพราะคำนวณรวมถึงการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งไม่ใช้น้ำมัน 

ภายใต้ไบเดน ผู้ผลิตรถยนต์ถูกกำหนดให้ต้องเฉลี่ยประมาณ 50 ไมล์ (81 กม.) ต่อแกลลอนของน้ำมันเบนซินสำหรับรถยนต์โดยสารภายในปี 2031 เทียบกับประมาณ 39 ไมล์ (63 กม.) ต่อแกลลอนในปัจจุบัน

รัฐบาลไบเดนยังได้เพิ่มข้อกำหนดความประหยัดน้ำมัน 2% ต่อปีสำหรับยานพาหนะขนาดเบาทุกรุ่นตั้งแต่ปี 2027 ถึง 2031 และ 2% ต่อปีสำหรับรถ SUV และรถบรรทุกขนาดเบาอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 2029 ถึง 2031 ในเวลาเดียวกัน ได้เรียกร้องให้มีการออกกฎท่อไอเสียที่เข้มงวดเพื่อส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

มาตรฐานปี 2024 จะช่วยประหยัดน้ำมันเบนซิน 14 พันล้านแกลลอนจากการถูกเผาผลาญภายในปี 2050 ตามการคำนวณของ NHTSA ในปี 2024

การยกเลิกกฎเหล่านี้หมายความว่าในปี 2035 รถยนต์อาจปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น 22,111 ตันต่อปีเมื่อเทียบกับกฎยุคไบเดน นอกจากนี้ ยังหมายถึงอนุภาคเขม่าที่เป็นอันตรายเพิ่มขึ้น 90 ตันต่อปี และส่วนประกอบของหมอกควั (ไนโตรเจนออกไซด์และคาร์บอนอินทรีย์ระเหยง่าย) เพิ่มมากกว่า 4,870 ตันต่อปีเข้าสู่บรรยากาศในช่วงหลายปีข้างหน้า

ข้อเสนอต้องผ่านการแสดงความคิดเห็นของสาธารณชนเป็นเวลา 45 วันก่อนจะสามารถประกาศใช้จริงได้


แชร์
ทรัมป์ผ่อนกฎประหยัดน้ำมัน ผู้ผลิตรถแห่ชื่นชม แต่อาจไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม