Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
สำรวจชีวิตผู้หญิงญี่ปุ่นวันที่ประเทศมีนายกฯ หญิงคนแรก
โดย : ณัฏฐณิชา ภู่คล้าย

สำรวจชีวิตผู้หญิงญี่ปุ่นวันที่ประเทศมีนายกฯ หญิงคนแรก

9 ต.ค. 68
10:55 น.
แชร์

นับว่าเป็นก้าวใหม่ของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เมื่อซานาเอะ ทาคาอิจิ “สตรีเหล็ก” วัย 64 จากพรรคการเมืองสายขวา พรรคเสรีประชาธิปไตย เข้ารับตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก” ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น มองเผิน ๆ นี่อาจดูเป็นก้าวใหญ่ด้านความเท่าเทียมทางเพศของประเทศเกาะ และทำให้เกิดคำถามว่า ประเทศที่ได้ชื่อว่าเชิดชูวัฒนธรรมดั้งเดิมแบบชายเป็นใหญ่ คลายอำนาจให้ผู้หญิงมากขึ้นแล้วหรือเปล่า

ยอมรับหญิง ที่สนับสนุนชาย

แน่นอนว่าการขึ้นดำรงตำแหน่งของทาคาอิจิคือ หมุดสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ประเทศที่คะแนนความเท่าเทียมทางเพศปี 2025 โดย World Economic Forum อยู่อันดับที่ 118 จาก 148 ประเทศ รั้งท้ายในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วด้วยกันไปมาก แต่นี่ไม่ใช่การพลิกโฉมมุมมองทางสังคมจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะนายกรัฐมนตรีใหม่คนนี้มีแนวคิดเอียงขวาปิตาธิปไตย ไม่ใช่นักการเมืองหญิงสายสนับสนุนสิทธิสตรีมากเท่าใด

ทาคาอิจิไม่ใช่มือใหม่ในแวดวงการเมืองญี่ปุ่น เธอเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลมาหลายครั้ง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสาร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และยังเป็นหนึ่งในนักการเมืองที่อดีตประธานาธิบดี ชินโซ อาเบะ ให้การสนับสนุน

เธอมีจุดยืนอยู่ในฝ่ายอนุรักษนิยมเช่นเดียวกับพรรคที่เธอสังกัดคือ ชูแนวคิด “ญี่ปุ่นต้องมาก่อน” (Japan First) ที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ของญี่ปุ่น คล้ายคลึงกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ กล่าวว่า พร้อมเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่หากข้อตกลงทำลายผลประโยชน์ของญี่ปุ่น และประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนมองว่า เธอมีท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน ผ่านการสักการะศาลเจ้ายาสุคุนิบ่อย ๆ อันเป็นสัญลักษณ์ของฝ่ายสนับสนุนทหาร

ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจสำหรับนักการเมืองสายอนุรักษ์นิยม มุมมองเธอต่อประเด็นความเท่าเทียมทางเพศนั้นมีอยูอย่างจำกัด เธอต่อต้านการใช้นามสกุลแยกกันของคู่สมรส คัดค้านสมรสเท่าเทียม หรือการสมรสระหว่างคู่รักเพศเดียวกัน และสนับสนุนระบบสืบสันตติวงศ์ในราชวงศ์ญี่ปุ่นที่จำกัดเฉพาะผู้ชาย อย่างไรก็ตาม เธอมีความต้องการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสุขภาพผู้หญิง ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอเองเผชิญ 

แม้เป็นสายจารีตนิยม การมีผู้หญิงเป็นผู้นำแน่นอนว่าเป็นก้าวใหญ่ของญี่ปุ่น หรือบางที นี่อาจเป็นทางประณีประนอมโดยไม่ตั้งใจของประเทศที่อำนาจทางการเมืองอยู่ในมือผู้เล่นสายกลาง-ขวาเสียส่วนใหญ่ เราคงต้องจับตาต่อไปว่า หลังจากทาคาอิจิเข้ารับตำแหน่งการขับเคลื่อนด้านความเท่าเทียมทางเพศจะเดินไปไหนทางไหน หรือมากน้อยเพียงใด 

สัญญาณที่ดีคือ ทาคาอิจิมีภูมิหลังการศึกษาอย่างที่หญิงชาวญี่ปุ่นจำนวนมากในวัยเดียวกันไม่มี คือจบการศึกษาระดับปริญญาตรี

ญี่ปุ่นมีผู้หญิงในมหาวิทยาลัยน้อยกว่าใครเพื่อน

ทาคาอิจิจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีเมื่อปี 1984 ซึ่งในสมัยนั้น คนจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยมีเพียงร้อยละ 22.4 ที่เป็นผู้หญิง แต่ในบรรดากลุ่มประเทศพัฒนาแล้วประเทศอื่นในขณะนั้น มีสัดส่วนผู้หญิงที่จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยมากกว่าถึงเท่าตัว อาทิ แคนาดาและสหรัฐฯ โดยคนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีร้อยละ 50 เป็นผู้หญิง และร้อยละ 47 ที่ฟินแลนด์ ร้อยละ 48 ที่ฝรั่งเศส และร้อยละ 42 ที่อิตาลี

รายงานปี 2003 Women's higher education in Japan: Family background, economic factors, and the Equal Employment Opportunity Law พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการศึกษาต่อของผู้หญิงญี่ปุ่นคือ ประวัติการศึกษาของแม่ ตามด้วยพ่อ และการเข้าเรียนกวดวิชาช่วงมัธยมปลาย รายได้ครอบครัว และการเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชน 

และรายงานอีกฉบับยังชี้ว่า การเกิดในช่วงเวลาสงครามทำให้ขาดทรัพยากรด้านการเงิน และการสนับสนุนทางสังคม ทำให้การศึกษาของผู้หญิงถูกปฏิเสธ เพราะตามขนบแล้ว การศึกษาของลูกสาวถูกมองว่าสำคัญน้อยกว่าลูกชาย เพราะการศึกษาของหญิงชายมีจุดประสงค์ต่างกันเป็นไปตามบทบาททางเพศตามค่านิยมดั้งเดิม โดยโพลของ NHK เมื่อปี 1987 พบว่า คนส่วนใหญ่มีความคาดหวังการศึกษาของลูกสาวต่ำกว่า เพราะมองว่าสุดท้าย “ผู้หญิงจะแต่งงานและดูแลครอบครัว” อยู่ดี ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นตัวเลือกเสริมเพื่อสร้าง “ภรรยาที่ดีและแม่ที่ฉลาดหลักแหลม” และยังเชื่อว่า สามีควรมีการศึกษาที่ดีกว่าภรรยา

รูปแบบการศึกษาระหว่างหญิงชายยังต่างกัน ผู้หญิงในทศวรรษที่ 1980 มักจะเรียนอนุปริญญาหรือมหาวิทยาลัยสตรีมากกว่ามหาวิทยาลัยทั่วไปที่มีการแข่งขันสูง หรือถ้าหากเป็นระดับปริญญา พวกเธอมักจะเรียนวรรณกรรม เศรษฐศาสตร์ครัวเรือน หรือศึกษาศาสตร์ สาเหตุหนึ่งมาจาก โอกาสในการทำงานของผู้หญิงหลังจบการศึกษามีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย และมีการกีดกันทางการงานในหลายรูปแบบ

แต่เมื่อเวลาผ่านมา สัดส่วนของผู้หญิงในมหาวิทยาลัยก็เพิ่มขึ้นตามลำดับ กราฟจาก nippon.com เว็บไซต์ถ่ายทอดเรื่องราวของญี่ปุ่นแสดงสัดส่วนนักเรียนหญิงในมหาวิทยาลัยเพิ่มมากขึ้น ข้อมูลเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ชี้ว่า ในจำนวนผู้จบการศึกษาระดับปริญญษตรี 2,646,000 คน มีผู้หญิงอยู่ 1,220,000 คน มากกว่าปีก่อนหน้า

15,000 คน หรือราว 46.1% ของนักศึกษาที่เรียนจบ นอกจากนี้สัดส่วนของผู้หญิงยังน้อยลงเรื่อย ๆ ตามระดับการศึกษาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยที่การแข่งขันสูงอย่าง The University of Tokyo ที่มีนักศึกษาหญิงราว 20% เท่านั้น

ด้านผู้ให้การศึกษา อาจารย์ระดับอุดมศึกษาเป็นผู้หญิงราวร้อยละ 28.2 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนครูในโรงเรียนมัธยมปลายก็เป็นผู้หญิงเกือบครึ่งคือ ร้อยละ 45 และร้อยละ 63 ในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ

แม้จะมากขึ้น แต่ยังต่างกับอีกหลายประเทศในกลุ่ม “พัฒนาแล้ว” ที่ผู้หญิงมักจะมีสัดส่วนที่นั่งในมหาวิทยาลัยมากกว่าผู้ชาย เช่น สหรัฐฯ แคนาดสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส หรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกอย่างจีน ก็มีสัดส่วนหญิงแซงชายมาตั้งแต่ปี 2552 และตั้งแต่ปี 1990 ภรรยามักจะมีการศึกษาสูงกว่าสามี หรือเกาหลีใต้ ที่สัดส่วนประชากรหญิงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมากกว่าผู้ชายอยู่ราว 3% 

นอกจากนี้ ผู้หญิงญี่ปุ่นก็มีสัดส่วนเรียนและทำงานในสาย STEM หรือ วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์, และคณิตศาสตร์ อยู่น้อย อันที่จริง น้อยที่สุดในกลุ่มประเทศ OECD เลยด้วยซ้ำ 

“ไม่ใช่งานของผู้หญิง” กันผู้หญิงออกจากการทำงาน

รายงานปี 2023 Can affirmative action overcome STEM gender inequality in Japan? Expectations and concerns เผยว่า เป็นเพราะค่านิยมว่างานสาย STEM เป็นงานของผู้ชาย และบรรยากาศในห้องเรียน-สถานที่ทำงานของงานสายนี้ไม่ต้อนรับผู้หญิงมากเท่า และพบว่า ในสังคมญี่ปุ่นยังมองงานบางอาชีพด้วยแว่นที่ใส่ “ความเป็นหญิง” และ “ความเป็นชาย” ประกบ

งานวิจัยฉบับดังกล่าว สำรวจความเห็นของคนกว่า 1,086 คน เป็นชาย:หญิงในสัดส่วนใกล้เคียงกัน (541:545) เพื่อสำรวจ “ความเหมาะสมทางเพศ” ต่อการทำงานอาชีพต่าง ๆ พบว่าอาชีพที่คนคิดว่าเหมาะกับผู้หญิงมากที่สุดคือ พยาบาล และเหมาะน้อยที่สุดคือ วิศวกรเครื่องยนต์ และยังชี้ว่า พยาบาลคืองานผู้หญิง และหมอคืองานผู้ชาย

แม้มีงานหลายชิ้นที่ชี้ว่า ความสามารถด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ไม่ได้ต่างกันในหญิงและชาย แต่เป็น “ภาพจำ” ต่างหากที่ชี้บอกว่า เพศไหนควรทำอาชีพอะไร ผู้หญิงหลายคนแม้เก่งคณิตศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์มากในระดับมัธยม ก็เลือกเรียนคณะสายมนุษยศาสตร์มากกว่า เพียงเพราะ “มันเหมาะกับผู้หญิง”

ซึ่งหากเราลองนึกดูให้ดี “อาชีพของผู้หญิง” สัมพันธ์กับบทบาทเพศหญิง คือ อ่อนโยน เป็นผู้ดูแล ขณะที่อาชีพของชายก็เกี่ยวพันธ์กับบาทบาททางเพศของชาย คือ ใช้พลังทางกายภาพ เก่งการคำนวณ หรือเครื่องยนต์กลไก

บทบาททางเพศกำหนดรายได้และความสัมพันธ์

บทบาททางเพศชี้นำการเลือกเรียน การเรียนนำสู่อาชีพ และสัดส่วนเพศในอาชีพนั้น ๆ สร้างความสะดวกต่อการประกอบอาชีพ กล่าวอย่างง่ายคือ การเข้าไปทำงานที่มีผู้ชายมากนั้น เป็นเรื่องยากกว่าสำหรับผู้หญิง อาทิ การเลือกปฏิบัติ โอกาสก้าวหน้าทางการงานต่ำกว่า การคุกคามทางเพศ

ประเภทงานที่ต่างกันกำหนดรายได้ที่ต่างออกไป ช่องว่างค่าจ้างระหว่างเพศ หรือ Gender Pay Gap ในญี่ปุ่น รายงานปี 2021 พบว่า ช่องว่าค่าจ้างระหว่างชายและหญิงญี่ปุ่นอยู่ที่ 22% ซึ่งรั้งท้ายประเทศในกลุ่ม OECD ที่เฉลี่ยมีช่องว่างอยู่ 12%

บทความจากสำนักข่าว Kyodo ชี้ว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นได้ค่าจ้างเพียง 70-80% ของค่าจ้างเพื่อนร่วมงานชายในตำแหน่งเดียวกัน การได้รายได้ต่างกันส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของคู่รักด้วย เนื่องจากรายได้ที่ต่างเป็นตัวกำหนด “พลวัตอำนาจ” ในความสัมพันธ์

การมีอำนาจเหนือทางเศรษฐกิจส่งผลต่ออำนาจการตัดสินใจ แนวทางการสื่อสาร ความเคารพ และความรับผิดชอบในความสัมพันธ์ รายงานจากมหาวิทยาลัยชิคาโก (ซึ่งจัดทำในสหรัฐฯ ไม่ใช่ญี่ปุ่น) ชี้ว่า ความเสี่ยงการหย่าร้างเพิ่มขึ้น 50% เมื่อภรรยาหาเงินได้มากกว่าสามี แม้อาจฟังดูไม่ดีนักต่อผู้รักสถาบันครอบครัว แต่สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้หญิงที่มีอิสระทางการเงิน เป็นอิสระจากการตัดสินใจอยู่หรือไม่อยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษด้วยเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือ ความรุนแรงในครอบครัว

ความปลอดภัยในชีวิตน้อยกว่า แม้ในความสัมพันธ์

จากรายงานของ The Japan Times ปี 2024 ที่สำรวจกลุ่มตัวอย่าง 2,950 คน พบว่า 18% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า เคยถูกคู่รักทำร้ายทางร่างกาย ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 12.6% ในปี 2020

ในจำนวนนั้น ผู้ตอบแบบสอบถามเพศหญิงกว่า 22.7% ชี้ว่า เคยถูกคู่รักทำร้ายร่างกาย ส่วนผู้ชายอยู่ที่ 12% นอกจากนี้ความถี่ในการถูกทำร้ายดูจะเพิ่มขึ้นตาม “ความจริงจัง” ของความสัมพันธ์ เพราะหากคัดเหลือแต่ผู้ตอบแบบสอบถามที่ถูกทำร้ายจากคู่หมั้น จะพบว่าเปอร์เซ็นเพิ่มเป็น 27.5% ในกลุ่มผู้หญิง และ 22% ในผู้ชาย

เมื่อก้าวออกไปนอกบ้าน ท้องถนนในญี่ปุ่นไม่ใช่ที่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ ปัญหาการสะกดรอยตาม (stalking) ยังคงติดตามผู้หญิงญี่ปุ่น และซ้ำร้ายเพิ่มขึ้นมากในปี 2567 โดยเพิ่มขึ้นถึง 24.1% จากปี 2566 ตามข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น ด้วยมีผู้รายงานว่า ถูกสะกดรอยถึง 19,567 ครั้งปีก่อน การถูกสะกดรอยสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยให้เหยื่อ จำกัดอิสรภาพในการใช้ชีวิต บางคนอาจมีปัญหาทางสุขภาพจิตตามมา

การถูกคุกคามทางเพศเป็นอีกตัวเลขที่ชี้ถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตของผู้หญิงญี่ปุ่นปีก่อน รายงานของสำนักงานความเท่าเทียมทางเพศของสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นปี 2025 ชี้ว่า ผู้หญิงกว่า 53.8% เคยถูกคุกคามทางเพศหรือมีคนรู้จักถูกคุกคาม ตัวเลขนี้มากกว่าผู้ชายกว่าเท่าตัว (23.6%) โดยวิธ๊การคุกคามที่พบมากที่สุดคือ การคุกคามด้วยวาจาถึง 85.1% ในกลุ่มผู้หญิง 

แน่นอนว่าตัวเลขจริงสูงกว่านี้มาก เพราะเหยื่อความรุนแรงทางเพศมักมีแนวโน้มไม่รายงานต่อตำรวจ โดยเหยื่อการคุกคามทางเพศน้อยกว่า 5% เท่านั้นที่รายงานต่อตำรวจ เหตุผลการไม่รายงานส่วนมากมาจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และการตีตราจากสังคม ประเทศญี่ปุ่นที่มีค่านิยมปิตาธิปไตยสูงจึงมีแนวโน้มเหยื่อไม่รายงานมากเช่นกัน

ญี่ปุ่นยังคงรั้งท้ายหากเปรียบเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วด้วยกัน ผู้หญิงญี่ปุ่นยังแบกรับความกดดันให้ดำเนินชีวิตตามขนบสังคมปิตาธิปไตย อันนำมาสู่โอกาสในชีวิตน้อยกว่า ความรุนแรงที่มากกว่า และอื่น ๆ 

อย่างไรก็ตาม ความเท่าเทียมทางเพศในญี่ปุ่นจะดีขึ้นตามลำดับ อาทิ แนวคิด Womenomics การรวมผู้หญิงในระบบเศรษฐกิจมากขึ้นในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ ผ่านความพยายามสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นมิตรต่อผู้หญิงมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในญี่ปุ่นที่เป็นสังคมสูงวัยเข้มข้น หรือการสร้างความตระหนักรู้เรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศ ความรุนแรงต่อผู้หญิง และอื่น ๆ 

การขึ้นมาดำรงตำแหน่งของทาคาอิจิ จึงเป็นหมุดหมายสำคัญข้อหนึ่ง ที่อาจเป็นทั้งภาพสะท้อนการเปิดรับผู้หญิงในตำแหน่งสูงมากขึ้น หรือเป็นแรงผลักดันความตระหนักรู้เรื่องความเท่าเทียมทางเพศต่อไป


แชร์
สำรวจชีวิตผู้หญิงญี่ปุ่นวันที่ประเทศมีนายกฯ หญิงคนแรก