Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
Green Network ผนึกกำลัง ปรับ-เปลี่ยน-ปฏิบัติ สู่ความยั่งยืนในงานSX2025
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

Green Network ผนึกกำลัง ปรับ-เปลี่ยน-ปฏิบัติ สู่ความยั่งยืนในงานSX2025

4 ต.ค. 68
12:18 น.
แชร์

สามองค์กรร่วมเวทีเสวนา Green Network ผนึกกำลัง ปรับ-เปลี่ยน-ปฏิบัติ สู่ความยั่งยืนในงาน SX2025

งานเสวนา A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry ภายในงาน Sustainability Expo 2025 ในหัวข้อ Green Network ผนึกกำลัง ปรับ-เปลี่ยน-ปฏิบัติ ได้รับเกียรติจาก คุณต้องใจ ธนะชานันท์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานความยั่งยืนและกลยุทธ์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ดร.ธันยพร กริชติทายาวุธ ผู้อำนวยการ สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UNGCNT) และ คุณกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธาน Carbon Markets Club มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ เพื่อให้องค์กรต่างๆ เตรียมตัวปรับ เปลี่ยน และปฏิบัติเพื่อไปสู่ความยั่งยืน

ดร.ธันยพร กริชติทายาวุธ ผู้อำนวยการ สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UNGCNT)

ดร.ธันยพร เผยว่าประเทศไทยกำลังจะปรับตัวเพื่อเปลี่ยนไปสู่ประเทศที่ยังอยู่ในแผนที่โลกนี้อยู่ เราใช้คำว่า Sustainability ในแง่ของการหาโอกาสในการทำธุรกิจ สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UNGCNT) เป็นองค์กรไม่ได้แสวงหาผลกำไร เบื้องต้นเราตั้งเป้าระยะสั้น 5 ปี โดยมีเป้าหมายว่าภายในปี 2030 เราจะมีกลยุทธ์อะไรที่จะทำให้เครือข่ายภาคธุรกิจ เอสเอ็มอี ซัพพลายเชน ของบริษัทใหญ่ ๆ อยู่รอดได้ ณ ตอนนี้ หากอยากเรียนรู้เรื่อง Net Zero เรามีอะคาเดมี่ให้เรียนฟรี ทั้งระบบออนไลน์แบบ Intermidiate หรือแบบ Certification จะมีวิธีการทำให้บริษัทต่างๆ ที่อยากจะศึกษาเพื่อให้เข้าใจเรื่องนี้ตามมาตรฐานสากล สุดท้ายไม่ว่าเขาจะเอามาใช้เพื่อธุรกิจในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในการ Adaption หรือการหาต้นทุนเรื่องของคาร์บอน ก็จะใช้มาตรฐานเดียวกัน

ถ้าประเทศไทยอยากจะปรับและเปลี่ยน มันมีอีกหลายโอกาสถึงแม้ว่าท่านเป็นไอที เป็นเอสเอ็มอี ก็สามารถให้บริการในการทำข้อมูล เช่น คาร์บอนฟุตพริ้นท์ ก๊าซเรือนกระจก หรือการทำรีพอร์ต ก็สามารถที่จะใช้ระบบฐานข้อมูล บริษัทใหญ่อาจจะมีเครื่องมือเยอะหน่อย แต่ถ้าเป็นบริษัทเล็กก็อาจเป็น service provider ในการทำให้การเก็บข้อมูลนั้นถูกต้อง สุดท้ายไม่ต้องเหนื่อย verified เพราะว่าการเก็บข้อมูลอย่างถูกต้อง มันได้เข้าเกณฑ์กติกาตั้งแต่แรก

ส่วนเรื่องของ Human ไม่ใช่แค่สิทธิของมนุษย์ที่จะเรียนรู้ แต่เราก็ต้องการทำ Human Development Index ย้อนกลับไปที่ยู UN กับ UNDB ทำชุดข้อมูล เรารู้เลยว่าการเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์คือความคุ้มค่าที่สุด ในการทำงานร่วมกันที่ต้อง Collective Action ดังนั้นจึงมองว่าหลาย ๆ ท่านที่มาในงาน SX2025 ท่านก็เหมือนเป็น Learning Center เป็นคนที่นำความรู้ ความเข้าใจของภาคธุรกิจมาขยายผลให้คนอื่น ซึ่งเป็นการแบ่งปันที่เอื้อเฟื้อมาก โกลบอลคอมแพ็กเองก็มีศูนย์การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากภาคธุรกิจ บางคนเก่งเรื่องน้ำ บางคนเก่งเรื่องพลังงาน บางคนเก่งเรื่องสิทธิมนุษยชน ก็เลยเกิดขึ้นเป็นกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้ตลอดทั้งปี แต่ความเป็นเน็ตเวิร์ก มันไม่เท่ากับการที่ทำอะไรสักอย่างและเป็นรูปธรรม จึงเกิดเป็นโปรเจกต์ที่ต้องหาตัวช่วยว่าจะทำยังไงให้การเรียนรู้ตรงนี้มันไม่ได้จบเป็นเหมือนอีเวนต์ แต่กลายเป็นเรื่องราวที่สามารถมาทำเรื่องเดียวกันได้

คุณกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธาน Carbon Markets Club

คุณกลอยตา เผยว่าเวลาเราพูดถึงความยั่งยืน สิ่งแรกที่คนจะนึกถึงคือเรื่องสิ่งแวดล้อม Climate Change ภาวะโลกร้อน แต่ความยั่งยืนครอบคลุมมากกว่านั้นเรื่องการศึกษา การใช้แรงงาน สิทธิมนุษยชน เวลาเราพูดถึงความยั่งยืนจึงอยากให้ทุกคนมองให้รอบด้านมากขึ้น มันคือการบริหารจัดการทั้งองค์รวม ทั้งองคาพยพไปด้วยกันหมด การที่จะสร้างโลกยั่งยืนจึงต้องอาศัยหลายปัจจัย มีหลากหลายแง่มุมให้พวกเราได้มาช่วยกันคิด

สังคมไทยตั้งแต่โบราณ สังคมเกษตรกรเรามีการลงแขกเกี่ยวข้าว วันนี้เราต้องมาลงแขกเพื่อจะร่วมกันสร้างโลกให้ยั่งยืนขึ้น ให้น่าอยู่ขึ้น พวกเราใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาโดยที่ไม่รู้หรอกว่าเราได้ทำลายโลกในอนาคตของลูกหลาน การที่โลกมีวิวัฒนาการที่ทำให้ตเสียสมดุลด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรากำลังพยายามทำกันอยู่ทุกวันนี้คือการสร้างสมดุลหรือพยายามฟื้นคืนสมดุลในหลายๆเรื่องให้กลับมา จึงต้องใช้ความร่วมมือร่วมใจกันเพื่อจะสร้างความยั่งยืน

ถึงแม้ว่าจะบอกว่า ความยั่งยืนไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่วันนี้เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดก็น่าจะไม่พ้นเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะถ้าเราไม่ช่วยกันโลกก็จะยิ่งร้อนขึ้นทุกวันๆ จุดประสงค์ที่เราตั้งคาร์บอนมาร์เก็ตขึ้นมาเพื่อช่วยให้รัฐบาลสนับสนุนในเรื่องของการซื้อขายคาร์บอนเครดิต เนื่องจากตลาดบ้านเรายังเป็นภาคสมัครใจ คาร์บอนเครดิตเปรียบเหมือนสะพานที่จะพาเราไปสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานได้รวดเร็วขึ้น ทุกคนอยากใช้พลังงานสะอาดแต่ว่ามันก็ต้องใช้ทั้งเวลา เทคโนโลยี และต้นทุน ถ้ามีการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ผู้ที่ได้รายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตเขาจะเอาไปลงทุนต่อในเทคโนโลยีสะอาด แต่ปรากฏว่าพอเราตั้งขึ้นมา สิ่งที่ยังขาดอยู่มากคือเรื่องของความตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งเรื่องโลกร้อน เรื่องคาร์บอน เลยทำเป็นเรื่องของการให้ความรู้เรื่องของการสื่อสารไปแบบคู่ขนานกัน

หน้าที่ของเราอย่างหนึ่งก็คือการช่วยกันประคับประคองพาสังคมไปสร้างระบบนิเวศ เพราะฉะนั้นเราก็มีเครื่องมือให้ใช้ เช่น เครื่องมือประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร สมัครเป็นสมาชิกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างน้อยถ้าจะวางแผนไปสู่ NetZero ก็เหมือนจะลดน้ำหนัก ก่อนจะลดน้ำหนักเราต้องรู้ว่าเราหนักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นอันนี้จะเป็นเครื่องมือให้ลองไปประเมินก่อนว่าธุรกิจของเราปล่อยคาร์บอนเท่าไหร่ แล้วเราจะได้วางแผนได้ถูก คนไทยทั่วไปปล่อยคาร์บอนประมาณ 4-5 ตันต่อปี เทียบง่ายๆ คือตัวบอลลูนที่เราเห็นเป็นบอลลูนท่องเที่ยวนะคะ 1 ตันก็คือประมาณ 1 ลูกบอลลูน เพราะฉะนั้นประเทศไทยปล่อยปีละประมาณ 300 ล้านตัน หมายถึงเรากำลังปล่อยคาร์บอนสู่อากาศประมาณ 300 ล้าน มีบอลลูนลอยอยู่เต็มฟ้า เพราะฉะนั้นมาช่วยกันดู รู้แล้วจะได้ช่วยกันลด

อีกเน็ตเวิร์กคือ เราสามารถผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือน้ำมันเครื่องบินที่มาจากน้ำมันจากอาหารใช้แล้ว ก็ขอเชิญชวนเอาน้ำมันไปขายได้ที่บางจาก แล้วเราจะเอาไปทำน้ำมันสำหรับเครื่องบินที่จะช่วยลดคาร์บอนจากภาคการบิน

วันนี้เราก็พยายามจะช่วยกันดูแล ประคับประคองไปด้วยกัน ทั้งในเรื่องของความรู้ ทั้งในเรื่องการลงมือทำ ภาคประชาชนเองก็สามารถจะมีส่วนร่วมได้ด้วย ถ้าเราไม่ลงมือวันนี้เราก็อาจจะไม่มีโลกสวยๆ ไว้ให้ลูกหลาน อยากให้มองว่าทุกอย่างคือการลงทุนก็จริงแต่มันคือการลงทุนเพื่ออนาคต ถ้าเราไม่ลงทุนวันนี้ ลูกหลานของเราอาจจะไม่มีโลกอยู่ ก็ถ้าอยากจะส่งต่อโลกสวยงามให้ลูกหลาน เราต้องร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้

คุณต้องใจ ธนะชานันท์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานความยั่งยืนและกลยุทธ์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

คุณต้องใจ เผยว่างาน SX2025 รอบนี้ตื่นเต้นมากเพราะเป็นปีแรกที่ได้มีโอกาสนั่งฟังเซสชั่นต่างๆ มีหลายหัวข้อที่น่าสนใจ ที่อยากพูดถึงคือเรื่องของ AI สิ่งที่เราอาจจะไม่เคยคิดเลยก็คือ AI ใช้พลังงานมหาศาล เวลาเราทำเสิร์ชบน ChatGPT เทียบกับเสิร์ชบนGoogle เราใช้พลังงานต่างกัน 10 เท่า

เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ AI มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น AI ในวันนี้คือการงมเข็มในมหาสมุทร เราเขียนเข้าไปมันก็จะเข้าไปงมแล้วหาคำตอบมา แต่เราจะทำอย่างไรให้ AI ทำหน้าที่คล้ายสมองเราที่ไปเสิร์ชหาทุกอย่าง แต่มันสามารถเจาะได้ แปลว่า AI ในอนาคตจะมี efficiency ในการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น เวลาเราพูดถึง Sustainability มันไม่ใช่แค่เรื่องของภาคอุตสาหกรรมหรือขนส่งเท่านั้น แต่มันเป็นการหา Tool ใหม่ๆ หรือดิจิทัลที่เรากำลังทำจะต้องไม่สร้างผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม

ภายในงาน SX2025 มีเรื่องน่าสนใจมาก เมื่อวานมีการคุยกับทางออสเตรเลีย เรื่องของ Agritech เขามีเทคโนโลยีในเรื่อง Green Agriculture จำนวนมาก เช่น การนำโมลาส (Molasses) หรือ กากน้ำตาล ซึ่งเป็นของเสียมาผลิตให้กลายเป็นกรีนไฮโดรเจน พูดง่ายๆ คือการทำของเสียให้กลับมาเป็นเรื่องดีๆ หรือแม้แต่ทางฝั่งสวีเดน และญี่ปุ่นก็มีความร่วมมือกับเมืองไทย มีเรื่องดีๆ เยอะมากในงาน SX2025 แต่คำถามคือ เราอาจจะยังเก็บคอนเทนต์เหล่านี้ที่มันเป็นรูปธรรมได้ไม่ดีเพียงพอ และต้องมาดูว่าจะต่อยอดอะไรได้บ้าง

สำหรับเรื่อง Green Network อยากเล่า 3 เรื่อง อันแรกคือ ไทยแลนด์ ซัพพลายเชน เน็ตเวิร์ก จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคใหม่ เพื่อดึงซัพพลายเออร์ของประเทศไทยขึ้นไปพร้อมๆ กัน ต่อมาคือ เน็ตเวิร์กของโซเชียลเอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นกลไกอีกอันหนึ่งที่จะทำให้เกิดความยั่งยืน ทั้งในมิติสังคมและสิ่งแวดล้อม ต้องช่วยผลักดันพวกเขาเพราะบางครั้งมีความตั้งใจมุ่งมั่นมากในการทำโซเชียลเอ็นไพรซ์ แต่อาจจะขาดการดึงดูด ขาดความรู้ หรือทักษะด้านมาร์เก็ตติ้ง เราก็พยายามที่จะรวมตัวกับเขาเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทุกไตรมาส และอีกอันเป็นเน็ตเวิร์กใหม่ที่เราเพิ่งสร้างขึ้น เป็นเน็ตเวิร์กที่เราทำงานผ่านมูลนิธิรากแก้ว แล้วเชื่อมโยงกับเอ็นจีโอระดับโลกที่เรียกว่า Enactus ดึงเอานักศึกษาทั่วโลก 32 ประเทศมาแข่งขันทำผลงานเพื่อสังคม เราสร้างรางวัลใหม่ให้กับEnactus เรียกว่ารางวัล SEP Award (รางวัลปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง) โดยพยายามที่จะดึงเรื่องของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่สังคมโลกให้มากขึ้น โดยหวังว่าจะใช้เน็ตเวิร์กของนักศึกษาทั่วโลกเป็นกลไกที่จะพูดคุยเรื่องของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้ออกไปกว้างไกลยิ่งขึ้น

วันนี้เรามาคุยเรื่อง Adaption มันต้องปรับแล้วเปลี่ยน ถ้าท่านเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ท่านต้องปรับตัวอยู่แล้ว ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงท่านจะโดนปรับในอนาคต แต่ถ้าท่านเป็นธุรกิจขนาดเล็กก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เพราะการปรับตัวจะได้โอกาสทางธุรกิจหรือเป็น Award Biz ในการที่มีสินค้าโลว์คาร์บอน หลายประเทศที่อยู่ทางยุโรปและอเมริกาเขามักตั้งคำถามว่าคุณมีสินค้าโลว์คาร์บอนขายให้เขาหรือไม่ อันนี้ซีเรียสเรื่องจริง ถ้ามีโอกาสขายของ ถ้าสินค้าเป็นโลว์คาร์บอนจะทำให้มีโอกาสมากขึ้น และอยากฝากทุกคนแบบสั้นๆ ว่า “ความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน”

แชร์
Green Network ผนึกกำลัง ปรับ-เปลี่ยน-ปฏิบัติ สู่ความยั่งยืนในงานSX2025