"น้ำท่วมกับหมวกยายเตียม" จากหมวกใบเล็ก สู่ต้นแบบ "ที่พักพิงสะเทินน้ำสะเทินบก" รับมือภัยน้ำท่วม ในงบประมาณ 1 แสนบาท
จังหวัดน่านเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะ อุทกภัย (น้ำท่วม) ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกือบทุกปี สร้างความเสียหายรุนแรงทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของเมืองและระบบจัดการน้ำในยุคที่สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
"ยายเตียมและสามี" เป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยน้ำท่วมของจังหวัดน่าน บ้านและข้าวของ รวมถึงหมวกสานจำนวนมากที่ยายเตียมสานไว้เพื่อขายนำเงินมาเลี้ยงชีพก็ถูกน้ำพัดหายไปจนหมด แต่ท่ามกลางวิกฤตินั้นกลับมีพลังแห่งความร่วมมือจากหลายภาคส่วน หยิบยื่นน้ำใจช่วยรับซื้อหมวกสานนับร้อยใบจากยายเตียม แล้วส่งต่อให้ศิลปินและนักออกแบบกว่า 100 ชีวิต สร้างสรรค์เป็นงานศิลปะที่มีเรื่องราว จัดแสดงในนิทรรศการเพื่อการระดมทุน ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพื่อวางรากฐานการออกแบบ และสร้างที่พักพิงฉุกเฉินต้นแบบ
เพื่อให้การออกแบบสอดคล้องกับชีวิตจริง ทีมงานได้เก็บข้อมูลจากผู้ที่ประสบภัยในพื้นที่และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ข้อมูลที่ได้ไม่เพียงแต่สะท้อนปัญหา แต่ยังเต็มไปด้วยข้อเสนอแนะอันทรงคุณค่า ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบคลิปวิดีโอ เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนและจุดประกายความเข้าใจร่วมกัน
ในงานสถาปนิก'68 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้มีการจัดนิทรรศการการนำเสนอข้อมูลและเรื่องราวที่รวบรวมจากชุมชนและผู้เชี่ยวชาญ เป็นการเปิดพื้นที่ให้สังคมกว้างขวางขึ้นได้เรียนรู้ เข้าใจ และมีร่วมในการหาคำตอบต่อโจทย์ภัยพิบัติที่เราต้องเผชิญร่วมกัน
ด้วยการสนับสนุนจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ASA และ Design for Disasters Foundation (D4D) เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ เชิญชวนทุกคนที่สนใจ เข้ามีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบที่พักพิงจากแรงบันดาลใจและภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนาต้นแบบที่สามารถต่อยอดสู่การก่อสร้างจริงเพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ประสบภัยน้ำท่วม
ที่พักพิงแห่งความหวัง ปัจจุบันทีมงานยังคงเดินหน้าพัฒนาต้นแบบที่พักพิงฉุกเฉิน รับมือน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายสร้าง ณ บ้านของคุณยายเตียม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เป็นแห่งแรก ภายในงบประมาณไม่เกิน 100,000 บาท โดยเน้นการใช้วัสดุที่หาได้สะดวกในท้องตลาดหรือวัสดุท้องถิ่น ก่อสร้างง่าย ประหยัด ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสะท้อนแนวคิด "พึ่งพาตนเอง อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน" อีกทั้งยังสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดปรับประยุกต์ได้ตามภูมิศาสตร์และลักษณะของน้ำท่วมที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนสามารถสร้างที่พักพิงที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเองได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน
โครงสร้าง รูปทรง และวัสดุ พื้น ผนัง หลังคา แปรผันตามปัจจัยสำคัญที่ยังต้องตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด เช่น ระดับน้ำ ความเร็วน้ำ สิ่งที่ลอยมากับน้ำ ความเร็วและแรงลมฝน ราคาวัสดุ ฯลฯ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัย ในงบประมาณที่เหมาะสมและประชาชนสามารถก่อสร้างได้สะดวก
ทั้งนี้ ภายในนิทรรศการ อาจมีการนำเสนอภาพสามมิติที่พักพิงรูปแบบอื่นๆ เพื่อเป็นไอเดียสื่อถึงรูปแบบที่แปรผันตามลักษณะน้ำท่วมที่แตกต่างกันออกไป เช่น การมีเสาสี่มุม เพื่อช่วยให้ที่พักพิงสามารถเคลื่อนที่ขึ้นลง โดยมีเชือกคล้องกับเสาไม่ถูกพัดไปไหน เหมาะกับพื้นที่ที่มีน้ำพัดแรงปานกลาง แต่ก็มีข้อเสียคือราคาสูงและอาจเคลื่อนขึ้นไม่พ้นน้ำท่วมในกรณีเสาสูงไม่พอ เป็นต้น
• กว้าง 1.2 เมตร ยาว 2.4 เมตร โฟมหนา 0.4 เมตร สูง 2.4 เมตร + ระยะจั่ว A เมตร (รอการพิจารณาโดยต้องเช็กความสูงที่ทำให้เกิดความเสถียรไม่ล้มคว่ำ)
• หลังคาติดแผงโซลาร์เซลล์
• โครงสร้างเหล็ก (รอระบุขนาด)
• วัสดุสำหรับผนังสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามความเหมาะสมหรือสิ่งที่เจ้าของมี เช่น เศษไม้เก่า ไผ่สาน ซีเมนต์บอร์ด ฯลฯ
• จะมีระบุจุดให้ขับถ่าย (เร็วๆนี้)
• จะมีการผูกกับแปลงผักลอยน้ำ (เร็วๆนี้)
• เชือกสำหรับขึง (รอระบุชนิด ขนาด และความยาว) ถ่วงด้วยสมอฝังดิน 4 มุม (รอการคำนวณ)
หมายเหตุ ***เป็นเพียงฉบับร่างที่ยังต้องพัฒนาต่อและทำการทดสอบความปลอดภัย***
โครงการนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างที่พักพิงเพื่อความปลอดภัยแต่ยังเป็นพื้นที่สัญลักษณ์ของความรัก ความห่วงใยและความร่วมแรงร่วมใจของผู้คนจากหลากหลายแวดวง ที่เชื่อมั่นว่าแม้ภัยพิบัติจะโหดร้ายเพียงใด มนุษย์ก็สามารถสร้างพลังบวกและก้าวผ่านไปได้ด้วยการ "อยู่เคียงข้างกัน"