เพียงหายใจเข้า 1 ครั้ง เราก็ไม่อาจแน่ใจได้แล้วว่าได้สูดเอาไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายเราบ้างหรือเปล่า เพราะไมโครพลาสติก พลาสติกชิ้นเล็กขนาดไม่มากไปกว่า 5 มิลลิเมตร เป็นภัยอันตรายที่แทรกซึมอยู่ทุกที่ และเล็กจนยากจะป้องกัน
ไมโครพลาสติกแบ่งได้เป็น 2 ชนิดคือ พลาสติกปฐมภูมิอย่าง เม็ดพลาสติกในอุตสาหกรรม เม็ดบีดส์ในโฟมล้างหน้าหรือยาสีฟัน กลิตเตอร์ในเครื่องสำอาง และอีกมากมายที่ถูกผลิตมาให้มีขนาดเล็กตั้งแต่แรก
หรืออีกชนิดคือไมโครพลาสติกทุติยภูมิ หรือพลาสติกชิ้นเล็กที่แตกตัวออกมาจากพลาสติกชิ้นใหญ่ อย่างเศษพลาสติกที่ถูกลมหรือแดดทำลาย กลายเป็น fragmented plastics และที่พบได้บ่อยที่สุดคือ ไมโครไฟเบอร์ หรือเศษเส้นใยที่หลุดออกมาจากเสื้อผ้าโพลีเอสเตอร์
อ่านชนิดและผลกระทบของไมโครพลาสติกได้ที่นี่
เมื่อพลาสติกเล็กจิ๋วหลุดเข้าไปปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ทั้งแหล่งน้ำ ดิน อากาศ หรืออาหาร แน่นอนว่าการเข้าสู่ร่างกายเราก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน รายงานปี 2019 ที่ตรวจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันของชาวอเมริกันพบว่า โดยเฉลี่ย คนเรารับเอาไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายราว 78,000 - 211,000 ชิ้นต่อปี แหล่งไมโครพลาสติกที่คนรับเข้าบ่อยที่สุดคือจากขวดน้ำดื่ม
งานวิจัยพบไมโครพลาสติกในหลายที่ที่เราอาจนึกไม่ถึง อาทิ นมแม่ รกเด็ก อัณฑะ และในตัวอ่อนมนุษย์ที่ยังไม่คลอด และยังพบว่า เศษพลาสติกชิ้นเล็กพวกนี้มีสารอันตรายอย่าง BPA, สารพาทาเลต, โลหะหนัก เป็นต้น
มีการศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นถึงผลร้ายที่ไมโครพลาสติกอาจสร้างต่อร่างกายเรา อาทิ เพิ่มความเสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตก หัวใจวาย มะเร็ง การติดเชื้อ ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ภาวะเป็นหมัน และคลอดก่อนกำหนด และยังมีงานวิจัยปี 2024 ที่ชี้ว่า ไมโครพลาสติกสามารถสะสมได้อย่างรวดเร็วในสมองอีกด้วย
เนื่องจากผลกระทบจากไมโครพลาสติกต่อร่างกายมนุษย์ที่น่ากังวลมากที่สุดอย่างหนึ่ง คือผลต่ออนามัยเจริญพันธุ์ นักวิจัยพบว่า เศษพลาสติกชิ้นเล็กพวกนี้สามารถทำให้ปริมาณสเปิร์มลดลง และยังลดคุณภาพสเปิร์มอีกด้วย
ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลอาจก่อกวนระดับเอสโตรเจนและเทสโทสเทอโรน ทำลายเนื้อเยื่อรังไข่และลูกอัณฑะ นำมาสู่ปัญหาสมรรถภาพทางเพศ และปัญหาการเจริญพันธุ์ ไมโครพลาสติกยังมีโอกาสสัมผัสกับตัวอ่อนในครรภ์มารดา และทำให้ตัวอ่อนสัมผัสกับสารเคมีตั้งแต่แรกเกิด และอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
แต่อาจมีอาหารบางชนิดที่ช่วยลดผลของไมโครพลาสติกได้
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ antioxidants ในผลไม้ ผัก และถั่วสามารถต่อต้านผลร้ายจากไมโครพลาสติกได้ เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระสามารถปกป้องสุขภาพการเจริญพันธุ์ได้ด้วยการลดการติดเชื้อ ทำให้ฮอร์โมนสมดุล และป้องกันอวัยวะภายในไม่ให้เสียหายจากพลาสติก
สารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า แอนโทไซยานิน ดูมีแนวโน้มที่ดีเป็นพิเศษต่อการลดผลไมโครพลาสติก แอนโทไซยานิน เป็นสารที่ทำให้เกิดสีสันสดใสในผักและผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นบลูเบอร์รี แบล็กเบอร์รี หรือกะหล่ำแดง
พวกมันยังช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น กำแพงกั้นเลือด-อัณฑะ (blood-testis barrier) ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้ไมโครพลาสติกทะลุผ่านเนื้อเยื่อระบบสืบพันธุ์ได้ นอกจากนี้แอนโทไซยานิน ยังสามารถลดความเครียดออกซิเดชันและการอักเสบ ปรับสมดุลฮอร์โมนโดยการปกป้องตัวรับฮอร์โมนจากสารเคมีพลาสติก และเพิ่มการผลิตและคุณภาพของสเปิร์ม
นำมาสู่ข้อสรุปว่า การทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง อาจช่วยลดความเสียหายจากไมโครพลาสติกได้ อาหารที่แนะนำได้แก่
ที่มา: Happy Eco News