เวลส์ดึงน้ำที่ท่วมในเหมืองร้างมาผลิตพลังงานความร้อนเพื่อลดก๊าซคาร์บอน
เวลส์สนับสนุนแหล่งพลังงานใหม่ สูบน้ำจากศูนย์บำบัดน้ำจากเหมืองมาใช้ในการทำความร้อนให้กับคลังสินค้า การใช้น้ำจากเหมืองเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนเพื่อผลิตความร้อน ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่าแหล่งพลังงานดั้งเดิมอย่างก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นพลังงานฟอสซิล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนึ่งในธุรกิจที่สนับสนุนการใช้พลังงานจากน้ำที่ท่วมในเหมืองของเวลส์คือ บริษัท Thermal Earth ที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองแอมแมนฟอร์ด ในคาร์มาร์เธนเชอร์ เป็นบริษัทเทคโนโลยีพลังงานทดแทนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดหาแนวทางการให้ความร้อนแก่บ้านเรือนที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีผู้อำนวยการคือ นายนิก ซาลินี (Nick Salini)
ซาลินี่กล่าวว่า เขาเล็งเห็นถึงประสิทธิภาพของน้ำในเหมืองมาพักใหญ่แล้ว
“เราได้ติดตั้งเครื่องสูบความร้อนจากใต้ดิน ที่นำน้ำจากโรงบำบัดน้ำจากเหมืองผิวดิน ซึ่งมีอุณหภูมิคงที่อยู่ระหว่าง 14 ถึง 15 องศาเซลเซียส เราดึงน้ำอุ่น ๆ เหล่านั้นส่งไปยังเครื่องสูบความร้อน จากนั้นจึงอัดให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับใช้ทำความร้อนในตัวอาคาร และระบบนี้จะให้ความร้อนแก่ตัวอาคารได้ตลอดทั้งปี”
“ระบบนี้ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับอาคารหลังนี้ โดยเป็นระบบขนาด 35 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารถให้ความร้อนได้ถึงบ้านใหม่ประมาณ 10 หลัง และยังสามารถขยายขนาดได้ จึงสามารถให้ความร้อนแก่บ้านเรือนได้หลายร้อยหลัง โดยการดูดซับพลังงานที่มีอยู่ในใต้ดิน” ซาลินีกล่าว
เวลส์มีเหมืองร้างจำนวนมาก
อุตสาหกรรมเหมืองแร่เป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญในเวลส์ โดยเฉพาะยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมช่วงศตวรรษที่ 18 มีการสร้างเหมืองมากมายเพื่อผลิตเหล็กและทองแดง เพื่อให้โลกยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่จักรกลสามารถนำวัตถุดิบเหล่านี้มาใช้ได้ทัน
อุตสาหกรรมถ่านหินขยายตัวไปทั่วเวลส์ในศตวรรษที่ 19 เพื่อผลิตถ่านหินไอน้ำสำหรับใช้กับเรือจักรไอน้ำ มีทุ่งถ่านหินเวลส์ใต้ ซึ่งเป็นทุ่งถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จุดสูงสุดของวงการถ่านหินในเวลส์คือช่วงปี 1913 เมื่อเวลส์ผลิตถ่านหินได้มากถึง 60 ล้านตัน ครึ่งหนึ่งของจำนวนนั้นส่งออกไปต่างประเทศ แม้การผลิตถ่านหินจะลดลงตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่ในปี 2023 เวลส์ยังผลิตถ่านหินได้อยู่ 144,132 ตัน อ้างอิงจากข้อมูลรัฐบาลสหราชอาณาจักร
เพราะอุตสาหกรรมถ่านหินลดความนิยมลง มีโรงงานถ่านหินและเหมืองจำนวนมากในเวลส์ที่ถูกทิ้งร้าง โดยเฉพาะทางตอนใต้ หลายแห่งถูกรักษาไว้ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวหรือพิพิธภัณฑ์ ส่วนเหมืองที่ปิดตัวและไม่ได้รับการดูแล ระบบรักษาสภาพแวดล้อมในเหมืองจะหยุดการทำงาน รวมถึงระบบสูบน้ำ ทำให้น้ำที่มีอยู่ในชั้นหินตามธรรมชาติไหลเข้ามา เพราะเหตุนี้ เวลส์จึงมีน้ำปริมาณมากท่วมขังอยู่ในเหมืองหินหลายแห่งทั่วประเทศ
รัฐบาล UK–เวลส์ สนับสนุน
นอกจากภาคธุรกิจ รัฐบาลเวลส์เองก็สนับสนุนการนำน้ำเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ เมื่อปี 2024 รัฐบาลเวลส์ได้เผยแพร่แผนที่แสดงโอกาสการใช้พลังงานความร้อนจากน้ำในเหมืองเช่นกัน โดยเน้นพื้นที่ในแหล่งเหมืองถ่านหินเก่าของเวลส์
ด้านรัฐบาลอังกฤษนำร่องมาก่อนหน้า ด้วย Innovate UK หน่วยงานด้านพลังงานภายใต้ UK Research and Innovation ซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมวิจัยและนวัตกรรมของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ที่ให้ทุนสนับสนุนโครงการนำน้ำใต้เหมืองมาทำเป็นพลังงานความร้อนหมุนเวียนในคาร์มาร์เธนเชอร์
โครงการนำน้ำในเหมืองมาผลิตเป็นพลังงานความร้อนในครัวเรือนแห่งแรกของสหราชอาณาจักรคือที่เมืองเกตส์เฮด ที่เริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคม ปี 2024 ปัจจุบันให้บริการมากกว่า 600 ครัวเรือน ธุรกิจ และศูนย์ศิลปะ และเป็นโครงการในลักษณะนี้ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
แกเร็ธ ฟาร์ หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมด้านความร้อนและผลพลอยได้ของหน่วยงานบูรณะเหมืองกล่าวว่า ความสำเร็จในอังกฤษมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในเวลส์มากเช่นกัน
“ทุกคนในเวลส์กำลังจับตามองสิ่งที่เราทำสำเร็จในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เวลส์จะไม่สามารถเป็นผู้นำในด้านนี้ได้เหมือนกัน ประชากรราวหนึ่งในสี่ของเวลส์อาศัยอยู่บนพื้นที่เหมืองถ่านหินเก่า จึงมีความต้องการใช้พลังงานในลักษณะนี้มาก และเราต้องการเชื่อมโยงมรดกทางอุตสาหกรรมอันน่าภาคภูมิใจของเราเข้ากับอนาคตสีเขียวรูปแบบใหม่นี้”
ความท้าทายด้านเงินทุน
รัฐบาลเวลส์ยอมรับว่า “พลังงานความร้อนจากน้ำในเหมือง” มีบทบาทสำคัญในการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) แม้การจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการประเภทนี้จะยังเป็นเรื่องท้าทาย
ในปี 2021 สภาเมืองบริดเจนด์เคยยกเลิกโครงการลักษณะนี้ เนื่องจากกังวลเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้น อีกทั้งรัฐบาลเวลส์เองก็ยังไม่มีงบเฉพาะสำหรับโครงข่ายพลังงานความร้อน อย่างไรก็ตาม โครงการลักษณะนี้อาจสามารถขอรับเงินทุนในหมวดพลังงานท้องถิ่นได้ หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าใช้เงินอย่างคุ้มค่า
ผู้ที่ต้องการของบประมาณจะต้องแสดงให้เห็นว่า แนวคิดของตนสอดคล้องกับแผนพลังงานในพื้นที่ และเป็นการใช้เงินที่ให้ผลตอบแทนสูง ทั้งในแง่การลดคาร์บอนและประโยชน์ต่อชุมชน
Ynni Cymru บริษัทพลังงานในสังกัดรัฐบาลเวลส์ ได้เปิดตัวกองทุนมูลค่า 10 ล้านปอนด์ เพื่อสนับสนุนโครงการพลังงานอัจฉริยะระดับท้องถิ่น โดยเน้นการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ที่สร้างประโยชน์ต่อคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการและภาคเอกชนที่สนใจของบลงทุนด้านพลังงานประเภทนี้
