หลังจากนั้นมีแรงเทขายจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ลงมาต่ำสุดที่ระดับดัชนี 1541.37 จุด ลดลงไป 19.98 จุด หรือ -1.28% และกลับมาปิดตลาดที่ 1,579.54 จุด ลดลง 11.81 จุด หรือ -0.76% จากแรงเขขายหุ้นกลุ่มพลังงานไฟฟ้า หุ้นที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย และหุ้น ICT เนื่องจากนโยบายของพรรคก้าวไกลจะเข้ามาปรับโครงสร้างพลังงานไฟฟ้า
หุ้น GULF ปรับลดลง 6.19% ราคาหุ้นอยู่ที่ 49.25 บาท/หุ้น
หุ้น GPSC ปรับลดลง 5.18% ราหุ้นอยู่ที่ 59.50 บาท/หุ้น
หุ้น BGRIM ปรับลดลง 6.33% ราหุ้นอยู่ที่ 37.00 บาท/หุ้น
หุ้น EGCO ปรับลดลง 2.63% ราหุ้นอยู่ที่ 148.00 บาท/หุ้น
หุ้น RATCH ปรับลดลง 1.30% ราหุ้นอยู่ที่ 38.00 บาท/หุ้น
หุ้น SIRI ปรับลดลง 7.41% ราหุ้นอยู่ที่ 1.75 บาท/หุ้น
หุ้น THCOM ปรับลดลง 8.09% ราหุ้นอยู่ที่ 12.60 บาท/หุ้น
หุ้น ADVACE ปรับลดลง 2.26% ราหุ้นอยู่ที่ 216.00 บาท/หุ้น
หุ้น TRUE ปรับลดลง 5.23% ราหุ้นอยู่ที่ 7.25 บาท/หุ้น
โดยบล.กสิกรไทย นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส เปิดเผยกับ “SPOTLIGHT” ว่า จากที่มีแรงเทขายหุ้นออกมาค่อนข้างมาก เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเรื่องกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลจะมีความล่าช้า จะส่งผลต่อการงบประมาณการใช้จ่ายของภาครัฐที่จะล่าช้าตามไปด้วย และจากนโยบายเศรษฐกิจของพรรค
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าหุ้นที่มีแรงเทขายจะเป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน ไฟฟ้า หุ้นกลุ่ม ICT และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับทางพรรคเพื่อไทย
โดยคาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติอยากเห็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก และมีเสถียรภาพในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อที่จะไม่ผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ไม่กระทบกับการท่องเที่ยว
สำหรับภาวะตลาดหุ้นช่วงบ่ายวันนี้(15 พ.ค.) จะทรงๆ ตัวอยู่ระดับนี้ แต่มองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ ประเมินกรอบแนวรับอยู่ที่ 1550 จุด และแนวต้านที่ 1585 จุด แนะนำ ลงทุนหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก เป็นต้น
ด้านดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอ็กซ์ จำกัด เปิดเผยถึงนโยบายหาเสียงเลือกตั้งด้านเศรษฐกิจที่จะผลต่อการลงทุนในตลาดทุน อาทิเช่น
พรรคก้าวไกล
พรรคเพื่อไทย