ไขข้อข้องใจ เหตุใดทองคำ ขึ้นแรง-ลงแรง หลังรัสเซียบุยูเครน
เช้าวันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ราคาทองคำทะยานขึ้นในทันทีที่นายวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ประกาศเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารพิเศษ ไม่นานหลังจากนั้นการโจมตีของรัสเซียเริ่มต้นขึ้นในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศยูเครน สถานการณ์ดังกล่าวทำให้สินทรัพย์ทั่วโลกปั่นป่วนอย่างหนัก โดยนักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหุ้นและสกุลเงินดิจิทัล พร้อมกับเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ปัจจัยดังกล่าวผลักดันให้ทองคำทะยานขึ้นต่อเนื่องตลอดช่วงการซื้อขายของตลาดเอเชียและช่วงต้นของตลาดยุโรป ส่งผลให้ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี 5 เดือนที่ 1,974.24 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ทองคำในประเทศ ทะยานขึ้นทดสอบระดับ 30,000 บาทต่อบาททองคำเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 6 เดือน
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักเกือบ 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี 5 เดือนลงมาแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,879.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในวันเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนทองคำสงสัยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น วันนี้ YLG จะมาลิสต์เหตุผลที่ทำให้นักลงทุนขายทองคำ ดังนี้
- แรงขายทองคำทำกำไร เพื่อถือเงินสด และโยกเงินเติมมาร์จิ้น รวมถึงชดเชยผลขาดทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เพราะสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลงอย่างหนัก
- การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ เพราะนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยและมีสภาพคล่องสูง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำ
- แรงขายทำกำไร เนื่องจากทองคำอยู่ในภาวะขายมากเกินไป และนักลงทุนบางส่วนมองว่าสถานการณ์ในยูเครนอาจไม่ลุกลามเป็นสงคราม หลังจากนาโตยืนยันว่าจะไม่ส่งกำลังทหารเข้าไปในยูเครน เนื่องจากยูเครนไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซีย ด้วยมาตรการที่ขัดขวางความสามารถของรัสเซียในการทำธุรกิจในสกุลเงินหลักพร้อมกับการคว่ำบาตรต่อธนาคารและรัฐวิสาหกิจของรัสเซีย อย่างไรก็ดี สหรัฐและสหภาพยุโรปได้เลือกที่จะไม่ตัดรัสเซียออกจากระบบการชำระเงินระหว่างธนาคารทั่วโลกของ SWIFT พร้อมยืนยันว่ากองกำลังสหรัฐจะ “ไม่” เข้าไปสู้รบในยูเครน ซึ่งนักลงทุนบางส่วนมองว่ามาตรการคว่ำบาติล่าสุดของสหรัฐรุนแรงน้อยกว่าคาด
และข้อ 4. คือ
รู้หรือไม่ว่า? จากสถิติในอดีตพบว่า ไม่ใช่สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองหรือ Geopolitical events ทุกเหตุการณ์ที่จะส่งผลหนุนราคาทองคำ อีกทั้งราคาทองคำมักจะตอบสนองรุนแรงในระยะสั้นก่อนที่จะลดช่วงบวกลงมาในระยะถัดๆไป
หากย้อนกลับไปนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา เกิดความขัดแย้งทางการเมืองที่สำคัญๆ อาทิ เหตุการณ์ 911, สงครามอิรัก, เหตุการณ์ระเบิดในงานบอสตันมาราธอน (Boston Marathon Bombing) การยิงขีปนาวุธในซีเรียและความกังวลเกี่ยวเกาหลีเหนือ ล่าสุดในปี 2019 เกิดเหตุการณ์โจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำในอ่าวโอมานใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซในวันที่ 13 มิถุนายน , เหตุกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ยิงโดรนสอดแนมของสหรัฐร่วงในวันที่ 20 มิถุนายน และเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท Saudi Aramco ในวันที่ 14 กันยายน และล่าสุดที่สหรัฐโจมตีทางอากาศจนเป็นเหตุให้นายพลกัสซิม โซเลมานี ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญระดับต้นๆของอิหร่าน และเป็นผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน เสียชีวิต
- ในเหตุการณ์ 911 และ เหตุการณ์ระเบิดในงานบอสตันมาราธอน : ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงถึง 7% ในช่วง 1 สัปดาห์หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนที่จะลดช่วงบวกลงในระยะถัดไปๆ
- ในช่วงสงครามอิรัก : ในระยะแรกราคาทองคำตอบสนองในเชิงลบเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นในอีก 2 เดือนถัดไป
- ในช่วงเหตุการณ์โจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำในอ่าวโอมานใกล้และโดรนสอดแนมของสหรัฐโดนยิง : ราคาทองคำปรับตัวเพียง 2% แค่ในช่วง 1 สัปดาห์หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนที่ราคาจะปรับตัวขึ้นแรงในระยะ 1 เดือนถัดไปแต่มาจากสาเหตุอื่นๆเป็นประเด็นหลัก อาทิ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย, ความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ และสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
- ในช่วงเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท Saudi Aramco : ราคาทองคำปรับตัวเพียง 2% แค่ในช่วง 1 สัปดาห์หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนที่จะปรับตัวลดลงในเวลาต่อมา
- ในช่วงสหรัฐโจมตีทางอากาศจนเป็นเหตุให้นายพลกัสซิม โซเลมานีเสียชีวิต ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรง แค่ภายในช่วง 1 สัปดาห์หลังเหตุการณ์ดังกล่าวเท่านั้น ก่อนที่จะปรับตัวลดลงแรงในเวลาต่อมาเช่นกัน
“หากยึดสถิติเป็นแนวทาง จึงไม่น่าประหลาดใจนักที่เกิดแรงขายทำกำไรสลับออกมา ดังนั้น หากราคาทองคำพุ่งขึ้นในระยะสั้นจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนควรจะใช้จุดดังกล่าวเป็นจุดขายทำกำไร อีกทั้งต้องระมัดระวังการไล่ซื้อเมื่อทองคำตอบรับในเชิงบวกเพราะมีแนวโน้มจะเกิดการตอบรับเชิงบวกเพียงแค่ในระยะสั้นเท่านั้น หรือ หากเข้าซื้อก็ควรกำหนดจุดตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น”