อินไซต์เศรษฐกิจ

รวมวิบากกรรม Facebook 'ผู้ติดตามหาย ผู้ใช้หด บัญชีโดนแฮก' และอื่นๆ

16 ต.ค. 65
รวมวิบากกรรม Facebook 'ผู้ติดตามหาย ผู้ใช้หด บัญชีโดนแฮก' และอื่นๆ

ย้อนกลับไปไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ถ้ามีใครบอกว่า “หุ้น Facebook เจ้าตลาดโซเชียลมีเดีย ราคาจะร่วงกว่า 60%” คงไม่มีใครเชื่อ ด้วยพลังแห่ง ‘โซเชียล การตลาด โฆษณา และแพลตฟอร์ม’ ผสานรวมกัน ทำให้ครั้งหนึ่ง Facebook เคยไร้เทียมทาน แต่บัดนี้ เจ้าแห่งโซเชียลมีเดียกำลังเพลี่ยงพล้ำ กำไรหาย รายได้หด จนทำให้ราคาหุ้นร่วงจากจุดสูงสุดแล้วมากกว่า 60%

  

ซึ่งมหกรรม ‘เทขายหุ้น’ นี้ เกิดขึ้นเพียง 2 เดือนหลัง มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เปลี่ยนชื่อ Facebook เป็น Meta ราคาหุ้นก็ ‘รูด’ ลงต่อเนื่อง โดยจังหวะที่ดิ่งแรงสุดนั้น หุ้น Meta ร่วงลงวันเดียวถึง 26% ในช่วงต้นเดือนก.พ. ปีนี้ ปัจจุบัน ราคาหุ้น Meta เทจากจุดสูงสุดในปี 2021 มาแล้วถึง 65.6% และยังถือว่าทะลุจุดต่ำสุดที่เคยทำไว้ในเดือน ธ.ค. 2018 ไปแล้วอีกด้วย
 
Spotlight รวมเหตุการณ์มหาชงที่เกิดขึ้นกับ Meta จนทำให้พี่มาร์คถึงกับต้องกุมขมับ มาให้ได้ดูกันแล้ว
  

Facebook Meta Logo

  
ผู้ใช้หด หมดสัญญาณโตต่อ?

  

หากดูจากข้อมูลการเติบโตของยอดผู้ใช้งานที่แอคทีฟรายเดือน (Monthly Active Users,MAU) จะพบว่า ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา การเติบโตของผู้ใช้งานนั้นเป็นไปอย่างงดงาม เป็นกราฟชันสูง สะท้อนการเติบโตของผู้ใช้ และผลกำไรของ Facebook จนกระทั่งตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2021 เป็นต้นมา กราฟก็ชันน้อยลง และเริ่ม ‘หักหัวลง’ ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ สะท้อนว่าการเติบโตของ Facebook ในแง่ของผู้ใช้ อาจไม่ได้ไปต่อ
 
รายได้ 97% ของ Facebook มาจากโฆษณา การที่ไม่มีผู้ใช้หน้าใหม่ หรือผู้ใช้เดิมหายไป ย่อมเป็นผลร้ายแก่บริษัท เพราะยอดการมองเห็น รวมถึงการคลิกโฆษณาก็จะลดลงตามไปด้วย แถมอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ที่ ‘แอปเปิล’ ได้สร้างขึ้นมานั้น ก็ส่งผลลบต่อธุรกิจอย่างหนัก ซึ่งไม่ไใช่แค่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อรายได้ของบริษัท ที่เติบโตลดลง ‘ครั้งแรก’ ตั้งแต่เข้าสู่ตลาดหุ้นในปี 2012

  

Facebook Crisis

  
 หนังภาคต่อ Dot Com Crisis

  
อันนี้จะโทษ Meta อย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะเพื่อนๆ ร่วมกลุ่มหุ้นเทคเอง ก็กำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกัน ซึ่งก็คือผลพวงจากแรงเก็งกำไรที่ถาโถมเข้ามาในช่วงล็อกดาวน์จาก โควิด-19 ซึ่งธุรกิจดั้งเดิมหยุดชะงัก นักลงทุนเลยทุ่มความหวัง รวมถึงเงินทุนมาให้กับบรรดาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี แถมการประกาศมุ่งสู่โลกจักรวาลนฤมิตของพี่มาร์ค ก็ยิ่งดึงดูดเงินทุนจากกลุ่มคนที่เชื่อมั่นในโลกความจริงเสมือนแห่งอนาคต
 
แต่เมื่อ ‘ช่วงโปรโมชัน’ จบลง ธุรกิจบนโลกจริงกลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง ผสมโรงด้วยมาตรการรัดเข็มขัดนโยบายทางการเงินของแบงก์ชาติทั่วโลก แถมตลาดคริปโทก็ร่วงหนัก นักลงทุนหอบเงินหนีตาย มาร์ค และ Meta เลยเจอโชค 3 ชั้น ทำให้นักลงทุนแห่เทขายหุ้น Meta

  

ฟังดูแล้วทำให้ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ ‘Dot Com Crisis’ ที่นักลงทุนแห่ลงทุนกับ ‘หุ้นแห่งอนาคต’ ที่มีเพียงความฝันและแผนธุรกิจที่ฟังดูยิ่งใหญ่ แต่กำไรยังไปไม่ถึง แม้ธุรกิจอย่าง Facebook หรือ Instagram จะมีรายได้และกำไรที่จับต้องได้จริง แต่แผนมุ่งสู่โลกอนาคตของมาร์คนี่แหละที่ทำให้นักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไร แต่ก็จากไปอย่างรวดเร็วเมื่อยามตลาดวาย

  

Facebook Metaverse
 
มาร์คเปย์หนัก เพราะคลั่งรัก ‘Metaverse’

  

สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงใน ว่ามาร์คไม่ใช่แค่เชื่อมั่นใน Metaverse แต่ถึงขั้น ‘คลั่งไคล้’ เลยทีเดียว เว็บไซต์ Fortune เผยว่า Meta อาจเตรียมทุ่มทุนมากถึงกับการสร้างโลกเสมือนมากถึง 7 หมื่นล้านดอลลาร์ (2.67 ล้านล้านบาท) โดยในปี 2021 ที่ผ่านมา Meta ใช้งบสร้าง Metaverse ไปแล้วราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (3.82 แสนล้านบาท)

  

โดยในรายงานล่าสุด Meta ได้อัพเดตความเคลื่อนไหวของโลก Metaverse ที่มีชื่อว่า ‘Horizon World’ เพิ่มเติมว่า ได้เพิ่ม ‘ขา’ ให้กับอวตารของผู้ใช้, เตรียมลิงก์ให้สามารถไปปรากฏในการประชุมบนแอปพลิเคชัน Zoom ได้ สำหรับใครที่ไม่อยากเปิดกล้อง และได้เปิดตัวแว่น VR รุ่นใหม่ ‘Quest Pro’ รุ่นท็อป สนนราคาถึง 1,500 ดอลลาร์ (5.7 หมื่นบาท) เลยทีเดียว
 
ความทุ่มเทเพื่อที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำแห่งโซเชียลมีเดียในยุค Web 3.0 แบบยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้นี้ ทำให้มาร์คสูญเสียมูลค่าทรัพย์สินไปแล้วกว่า 7.1 หมื่นล้านดอลลาร์ (2.7 ล้านล้านบาท) ร่วงจากอันดับเศรษฐีที่รวยที่สุดอันดับ 6 ของโลกเมื่อช่วงต้นปีสู่ระดับที่ 23 ในปัจจุบัน ตามการจัดอันดับของ Bloomberg Billionaires Index (14 ต.ค. 65)

 

แถมการลงทุนใน Metaverse และการพยายามปลุกปั้น ‘Reels’ เพื่อมาแข่งกับ TikTok แต่ก็ไม่ค่อยปังเท่าที่ควรนี้ ยังเป็นหนึ่งในสาเหตุทำให้หุ้น Meta ราคาร่วง ทำเอาบริษัทต้องรัดเข็มขัด ประกาศนโยบายชะลอการจ้างพนักงงานในเดือนที่ผ่านมาอีกด้วย

  

TikTok Facebook 

 
ตาม TikTok จนเสียตัวตน

 

ต้องยอมรับว่า ‘TikTok’ เป็นม้ามืดที่เข้ามาเขย่าวงการโซเชียล ปรับพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์สู่ ‘วิดีโอสั้น’ ทำให้บรรดารุ่นพี่ทั้ง Facebook, Instagram รวมถึง YouTube ต้องออกฟีเจอร์วีดอโอสั้นมาสู้เพื่อหวังรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ จนแฟนคลับต้องออกมาขอว่า เลิกพยายามก๊อป TikTok แล้วรักษาฟีเจอร์อันทรงเสน่ห์ของตนเองเอาไว้เถอะ!

นี่นับเป็นสถานการณ์ที่ ‘กลืนไม่เขาคายไม่ออก’ สำหรับ Meta เลยก็ว่าได้ เพราะแม้จะอยากรักษาเสน่ห์ดั้งเดิมของแพลตฟอร์ม โดย Facebook โดดเด่นเรื่องการเป็นพื้นที่ที่ให้ผู้ใช้งานได้รับรู้ความเป็นไปของวงสังคมใกล้ตัว และ Instagram มีจุดขายเรื่องการเป็นแพลตฟอร์มอวดภาพถ่ายสวยๆ แต่ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้ก็ต้องมีฟีเจอร์ Reels เพิ่มเข้ามา

ซึ่งมีรายงานว่าตัวเลขผู้ใช้งานยังไม่ปังแบบ TikTok แถม Meta ยังต้องเพิ่มการแนะนำโพสต์ และโฆษณา เพื่อให้หาเงินเพิ่มให้กับบริษัท จนผู้ใช้เริ่มหน่ายกับการที่ต้องบังคับให้เห็นโฆษณา มากกว่าสิ่งที่พวกเขาอยากเข้ามาเสพในแอป ซึ่งก็คือ ‘รูปภาพสวยๆ วงสังคมรอบตัว และสิ่งที่พวกเขาสนใจจริงๆ’

 

Facebook Mark Zuckerberg



Statechery ได้เผยบทสัมภาษณ์มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ที่ได้พูดถึง TikTok ว่าเป็น ‘คู่แข่งที่มีประสิทธิภาพมาก’ พร้อมยอมรับว่าตัวเขายังไม่สามารถเข้าถึงพฤติกรรมแบบใหม่ของผู้บริโภค ที่ต้องการเสพคอนเทนต์ที่แพลตฟอร์มมอบให้ มากกว่าคอนเทนต์ที่แชร์จากคนรอบตัว และจุดที่ผู้ใช้งานมีปฏิสัมพันธ์กัน ค่อยๆ เปลี่ยนจากการไปคอมเมนต์ในคลิปที่เห็นเพื่อนแชร์ เป็นการส่งคลิปที่ตนชื่นชอบให้เพื่อนโดยตรง

ก้าวต่อไปที่มาร์คเตรียมจะทำ เพื่อให้ตนไม่เพลี่ยงพล้ำในสมรภูมินี้ก็คือ การพัฒนาระบบ AI ที่จะนำเสนอคอนเทนต์ที่ ‘ดีที่สุด’ ให้กับผู้บริโภค เพื่อรองรับพฤติกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นนนี้

 

 Facebook แฮก


 
บั๊กเยอะ ปัญหาแยะ

  
ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาสู่ Meta ไม่ได้มีแค่ที่กล่าวไปข้างต้นเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาจากตัวแพลตฟอร์มเอง ที่เข้ามาบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานทั่วไป และแบรนด์ที่หวังใช้ Facebook เป็นช่องทางการตลาด ทั้งปัญหาล่าสุดอย่าง ‘ปัญหาผู้ติดตามลดลง’ ดังโพสต์ของ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ที่ระบุว่า

 

เฮ้ยยย น้องมาร์ค ทำเฟซบุ๊กป่วนแล้ว !! ยอดผู้ติดตามผม จากเกือบ 4 แสน ตอนนี้เหลือ 9 พันกว่า !! แถมโดนกันถ้วนหน้าด้วย

(อัพเดต: มีคนแจ้งว่า น่าจะเป็นปัญหาเรื่องการแสดงผล แต่จำนวนผู้ติดตามจริงยังเท่าเดิม)

 

ซึ่งปัจจุบัน Facebook ยังไม่ได้ออกมาระบุถึงที่มาของปัญหาดังกล่าว

นอกจากนี้ ปัญหา ‘การถูกแฮกบัญชี’ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่ก่อให้เกิดปัญหาทั้งกับผู้ใช้ และ Meta เอง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา Meta ได้ออกโรงเตือนผู้ใช้งานว่า ขณะนี้มีแอปพลิเคชันบน App Store และ Play Store กว่า 400 บัญชี ที่มีเจตนาขโมยข้อมูลบัญชีผู้ใช้โดยแฝงมาในฟีเจอร์ต่างๆ ที่หลอกให้ผู้ใช้ยอมใส่ข้อมูลลงไปในแอปนี้ด้วยตัวเอง

  

facebook Hack
 

นอกจากนี้ สถิติจาก techshielder.com ยังเผยว่า ในแต่ละเดือน มีการค้นหาคำว่า “Facebook โดนแฮก” 550,000 ครั้งต่อเดือน และ “Instagram โดนแฮก” 246,000 ครั้งต่อเดือน ผลสำรวจดังกล่าวยังเผยอีกว่า Facebook เก็บข้อมูลผู้ใช้ ในเรื่องข้อมูลส่วนตัว, ไฟล์, พฤติกรรมบนโลกออนไลน์, รายชื่อติดต่อ, ข้อมูลอุปกรณ์ที่ใช้ล็อกอิน และแอปพลิเคชันไว้กว่า 70% และ Instagram ก็เก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้กว่า 67% ซึ่งหากโดนแฮกขึ้นมา อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้เป็นอย่างสูง

 

ปัจจุบัน Meta เป็นบริษัทที่มี Market Cap ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 13 ของโลก ปัญหาที่ Meta กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ มีความคล้ายคลึงกับปัญหาที่เคยทดสอบบริษัทเทคโนโลยีมากหน้าหลายตาในช่วงวิกฤติ Dot Com เพื่อคัดสรรให้เหลือแค่บริษัทที่แข็งแกร่งจริงๆ เท่านั้น จึงจะรอดไปได้

 

ต้องติดตามกันต่อไปว่า มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก จะสามารถกอบกู้ศักดิ์ศรี ผู้ใช้งาน รวมถึงผลประกอบการของบริษัทกลับมาได้มั้ย และ ‘เมตาเวิร์ส’ ในรูปแบบของมาร์คจะสามารถสานต่อความยิ่งใหญ่ กลายเป็นโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม เบอร์ 1 ของโลก Web 3.0 ได้หรือไม่

 
ที่มา : The New York Times, Insider, Fortune, Yahoo Finance, CNBC, MarketWatch, Macrotrends, Statista, Bloomberg, CyberScoop, Techshielder

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT