ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดแนวทางการอนุญาตให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) โดยให้ Virtual Bank สามารถประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ได้เต็มรูปแบบ แต่จะต้องไม่มีสาขา/ATM/CDM ของตนเอง
โดยธปท.มีเป้าหมายให้ Virtual Bank ในไทย มีบริการทางการเงินที่ครบวงจรเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะรายย่อยและ SMEs ที่ยังไม่ได้รับบริการทางการเงินอย่างเดียงพอและ เหมาะสม และผู้ใช้บริการจะได้รับความสะวด รวดเร็ว ใช้ง่าย ปลอดภัย และตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไปได้ และสถาบันการเงินมีการแข่งขันกันพัฒนานวัตกรรมและบริการทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม ธปท.ไม่อยากเห็น Virtual Bank ในไทย ประกอบธุรกิจในรูปแบบที่ไม่ยั่งยืน จนสร้างความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจและผู้ฝากเงิน การกระตุ้นการแข่งขันที่ไม่เหมาะสม จนกระทบเสถียรภาพระบบการเงิน เช่น ใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อแย่งลูกค้า หรือปล่อยสินเชื่อที่กระตุ้นการก่อหนี้เกินตัว และการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือการใช้อำนาจตลาดอย่างไม่เหมาะสม เช่น กำหนดเงื่อนไขผูกมัดคู่ค้าทางธุรกิจให้ใช้บริการของ Virtual Bank ที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม ผู้ขอจัดตั้ง Virtual Bank จะต้องใช้กรอบการกำกับดูแลเดียวกับธนาคารพาณิชย์ ตามระดับความเสี่ยงและให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาล วัฒนธรรมด้านความเสี่ยง (risk culture) และความต่อเนื่องในการให้บริการของระบบ IT ประสิทธิภาพในการดูแลลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล และความเหมาะสมของการใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอก ให้การดำเนินกิจการในช่วงแรกเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด (phasing) เพื่อให้การดำเนินกิจการเป็นไปอย่างมั่นคงและไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบการเงิน
พร้อมกับต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) และ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก(DPA) เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งผู้บริโภคจะได้รับการคุ้มครองเงินฝากเหมือนกัน และจัดทำแผนรองรับกรณีเลิกกิจการ (exit plan) ที่ธปท.เห็นชอบ เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการได้อย่างราบรื่น และไม่กระทบต่อลูกค้าและผู้ฝากเงิน
รวมถึง มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการดิจิทัล สามารถออกแบบการให้บริการที่สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า มีการใช้เทคโนโลยีที่ยืดหยุ่นคล่องตัว ลดต้นทุนการดำเนินงาน และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว
นายธาริฑธิ์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า “ การกำกับดูแลใช้กรอบเดียวกันกับธนาคารพาณิชย์ จะดูแลให้ความสำคัญเป็นพิเศษกว่าธนาคารพาณิชย์ คือ ความมั่นคงและเสถียรในระบบงานไอที ธปท.มีความคาดหวังระยะเวลาที่ระบบขัดข้องไม่ควรเกิน 8 ชม.ต่อปี และระยะเวลาการแก้ไขระบบต่อครั้ง สามารถทำได้ภายใน 2 ชม.การดูแลผู้บริโภค ทั้งการให้ข้อมูลครบถ้วน ช่องทางออนไลน์ เปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียน เมื่อระบบสะดุดต้องมีแผนระบบกระตุกชะงัก ผู้บริการต้องใช้ช่องทางอื่นได้สะดวก”
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวอีกว่า “ ขณะเท่าที่ทราบมีผู้แสคงความสนใจประมาณ 10 ราย ระยะเริ่มต้นแบงก์ชาติจะเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับการพิจารณาให้ใบอนุญาตต่อรมว.คลัง ไม่เกิน 3 ราย เพราะต้องการให้เกิดการแข่งขัน”
นางสาววิภาวิน พรหมบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท. เปิดรับฟังความเห็นต่อแนวทางการอนุญาตให้จัดตั้ง Virtual Bank ตั้งแต่ 12 ม.ค.- 12 ก.พ.2566 และคาดว่าจะสามารถประกาศหลักเกณฑ์ได้ภายในปลายไตรมาส 1/2566 และเปิดรับคำขอจัดตั้ง Virtual Bank เป็นระยะเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นจะใช้เวลาในการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม เป็นระยะเวลา 9 เดือน โดยผ่านการพิจารณาจากธปท.ระยะเวลา 6 เดือน และกระทรวงการคลังอีก 3 เดือน
ทั้งนี้ คาดว่า จะสามารถประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้ง Virtual Bank ประมาณไตรมาส 2/2566 หลังจากนั้นผู้ที่ได้รับความเห็นชอบมีระยะเวลาเตรียมความพร้อมก่อนเปิดให้บริการ ระยะเวลา 1 ปี ทำให้คาดว่า Virtual Bank จะสามารถพร้อมให้บริการได้ประมาณไตรมาส 2/2568
ต่อจากนี้ คงต้องมาจับตากันว่า 10 รายที่สนใจ เป็นผู้ประกอบการรายใดกันบ้าง หรือจะมีเพิ่มเข้ามามากกว่า 10 ราย และใครจะจับมือกับใครอีกบ้าง เพื่อรุกตลาด Virtual Bank ที่ถือเป็นธนาคารแห่งอนาคตยุคดิจิทัลกันเลยทีเดียว