นฤมิตไพรด์จัดสัมมนาครั้งใหญ่ “Bangkok Pride Forum 2025” ใน 6 หัวข้อ: เศรษฐกิจและธุรกิจ การแพทย์และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิมนุษยชน การศึกษา สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ตลอดระยะเวลา 3 วัน (30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน)
การเสวนาในหัวข้อแรก Economic Impact: พลังเศรษฐกิจจากความหลากหลายทางเพศ มุ่งพูดถึงบทบาทของกลุ่ม LGBTQIA+ ในอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งไม่เพียงเป็นสีสัน แต่ยังเป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
หนึ่งในตัวอย่างการมีอยู่ของกลุ่มเพศหลากหลายในอุตสาหกรรมบันเทิงยุคใหม่ คือซีรีส์แนว Boy Love และ Girl Love โดยคุณณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม นายกสมาคมส่งเสริมคอนเทนต์วายไทย มาร่วมพูดคุยถึงความสำเร็จของซีรีส์วายไทยในต่างประเทศ
“เชื่อไหมว่า จากประสบการณ์ที่เราไปขายงานในต่างประเทศ เราขายได้ทุกเจ้า ซีรีส์บางเรื่องคนไทยอาจไม่รู้จัก แต่ต่างชาติรู้จัก”
ซีรีส์วายไทยมีกระแสตอบรับดีในต่างประเทศ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไต้หวัน และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคใกล้เคียงเท่านั้น แต่ยังประสบความสำเร็จอย่างมากในทวีปลาตินอเมริกา ซึ่งอยู่ไกลออกไปกว่าครึ่งโลก
คุณณพสิทธิ์เล่าว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศบราซิล ภายใต้การสนับสนุนของกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในโครงการ OLÁ BL&GL THAILAND IN BRAZIL โดยนำนักแสดงจากซีรีส์วายของไทยจำนวน 4 คู่ และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมคอนเทนต์วายไทยจำนวน 8 บริษัท เดินทางไปจัดกิจกรรมต่าง ๆ ณ นครเซาเปาโล สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
นอกจากการเผยแพร่ซีรีส์วายไทยในต่างแดนเพื่อส่งเสริม soft power และกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตแล้ว ยังเป็นการเปิดตลาดใหม่ทางเศรษฐกิจ เสนอช่องทางรับชมซีรีส์อย่างถูกลิขสิทธิ์ให้แฟนคลับชาวบราซิลสามารถเข้าถึงได้ โดยคุณณพสิทธิ์กล่าวว่า ได้ตกลงไว้มูลค่ารวม 250 ล้านบาท และในปัจจุบัน ซีรีส์วายไทยมีมูลค่าต่อปีสูงถึง 2,000–3,000 ล้านบาท
ในเวทีเดียวกัน คุณเต้–ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก กรรมการบริษัทในเครือกันตนา กรุ๊ป หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง ผู้สร้างพื้นที่ให้กลุ่มเพศหลากหลายได้แสดงศักยภาพ ผ่านรายการ The Face Thailand และ Drag Race Thailand กล่าวว่า
“เรายังมีการเหมารวม (stereotyping) เยอะพอสมควร ถ้าเป็น LGBTQ+ ก็มักจะได้บทรอง บทตลก หรือบทที่ดูไม่ professional เท่าที่ควร ถ้ามีการนำเสนอกลุ่มเพศหลากหลายได้ดีมากกว่านี้ จะเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรานำรายการอย่าง The Face และ Drag Race เข้ามาในประเทศไทย”
ด้านคุณอลิสา พันธุศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา กล่าวว่าทิฟฟานี่โชว์ เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงข้ามเพศได้แสดงความสามารถ และดำเนินกิจการมายาวนานกว่า 50 ปี โดยมีแนวคิดหลักคือ “ความใจกว้างและมองคนเท่ากัน”
“คนไทยใจกว้างและใจดี ต่อมาเราคิดว่าทำอย่างไรให้คนยอมรับ [เพศหลากหลาย] ตอนนี้เราได้สมรสเท่าเทียมแล้ว เหมือนกับเป็นการ set zero ให้สังคม ทำให้รู้ว่าการโอบรับความหลากหลาย (inclusivity) อยู่ในทุกอณูของประเทศ ไม่ใช่เรื่องบังคับ แต่ผู้บริหารและผู้ออกนโยบายต้องมองเห็นความสามารถของทุกคน ไม่ว่าในด้านใดก็ตาม”
คุณวูดดี้–วุฒิธร มิลินทจินดา กรรมการซอฟต์พาวเวอร์ด้าน Festival กล่าวเสริมว่า แม้กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะผ่านแล้ว แต่ยังมีอีกหลายก้าวที่ต้องเดินต่อ “อย่างไม่มีวันสิ้นสุด” โดยหนึ่งในวิธีสำคัญคือการมีนโยบายที่สนับสนุนคุณภาพชีวิตของคนเพศหลากหลายในทุกระดับของสังคม
“ในเชิงนโยบายต้องแสดงตัวเลขด้วยว่า กลุ่ม LGBTQ มีผลประกอบการที่ดี มีชีวิตที่ดี มีข้าวกิน มีน้ำสะอาดไหม มีตัวเลขสะท้อนออกมาว่า พวกเขาเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีรายได้น้อยที่สุดในประเทศ ไม่มีโอกาสเข้าถึงงานและความก้าวหน้าในองค์กร ในระดับชุมชนยังถูกมองว่าเป็นคนประหลาด เป็นคนพิการ เพราะฉะนั้นในระดับประเทศ นโยบายต้องสนับสนุนเพิ่มเติมในระดับชุมชนและท้องถิ่น ต้องลงไปถึงฐาน และช่วยดึงทุกคนขึ้นมา”
หลายครั้งที่การปรากฏตัวของกลุ่มเพศหลากหลายในสื่อไทย ยังถูกออกแบบจากมุมมองของคนที่ไม่ใช่ผู้มีความหลากหลายทางเพศ อาจแฝงอคติและการตีตรา เช่น การได้รับบทตลกที่ซ้ำซาก บทตัวละครที่มีความต้องการทางเพศสูง หรือถูกทำให้เป็นวัตถุทางเพศ รวมถึงการโยงเข้ากับแนวคิดทางศาสนาที่มองว่าเป็นกรรม และแทบไม่มีโอกาสได้บทนำหรือบทที่มีความน่าเชื่อถือ
หัวข้อถัดไปคือ Policy for Progress: Empowering LGBTQIAN+ Representation and Diversity in Entertainment, Fashion, and Media ที่ชี้ว่าแค่การปรากฏตัวในอุตสาหกรรมบันเทิงยังไม่เพียงพอ แต่กลุ่ม LGBTQIAN+ ต้องมีบทบาทในฐานะผู้ออกแบบ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยตนเอง
คุณวาดดาว – อรรณว์ ชุมาพร ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท นฤมิตไพรด์ จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน Bangkok Pride Festival 2025 กล่าวว่า การจะไปถึงเป้าหมายใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนร่วม หรือการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ต้องเริ่มจากการปลดแอกกลุ่มเพศหลากหลายจากแนวคิดที่ว่า “พวกเขาไม่ใช่คนเท่ากัน” เสียก่อน
“เราต้องปลดแอกก่อน เลิกคิดว่าจะมาช่วยอะไรเรา เรามีศักดิ์ศรีของเรา เราพยายามยืนยันศักดิ์ศรีมาตลอด มีคนถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม เราไม่ต้องการให้ช่วย ถ้าอยากช่วย มาในฐานะพันธมิตรที่เท่ากัน แล้วเราจะทำให้เห็นว่าเราขยับ GDP ได้จริง ๆ นี่คือสิ่งที่เราคิดว่าต้องเปลี่ยน เปลี่ยนการรับรู้ เปลี่ยน mindset”
คุณวาดดาวยังเน้นว่า หัวใจของการมองเห็นคนเท่ากัน ไม่ใช่เพียงเฉพาะกลุ่มเพศหลากหลายเท่านั้น แต่รวมถึงกลุ่มชายขอบอื่น ๆ ด้วย
คุณปาริฉัตร เศวตเศรณี ผู้อำนวยการฝ่ายเมกะอีเวนต์และเทศกาลนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หนึ่งในพันธมิตรที่เข้าร่วมจัดงานในเดือนแห่งความหลากหลาย มองว่า นอกจากการจัดกิจกรรมที่ซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ เรายังมีศักยภาพในการสร้างกิจกรรมขึ้นเอง และพัฒนาไปสู่การจำหน่ายลิขสิทธิ์ให้ต่างประเทศแทน
“เราอาจหารือกันว่าทำอย่างไรให้กิจกรรมของเรากลายเป็นทรัพย์สินทางปัญญา แล้วเอาไปขายข้างนอกได้ ไม่ใช่แค่ดึงของเขาเข้ามา แล้วได้แค่ภาพลักษณ์ แต่เราต้องสร้าง Mega event ของเราเองในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และพัฒนาไปสู่การมี license ขายได้ในอนาคต”
Bangkok Pride Forum 2025 รวมผู้เชี่ยวชาญและคนในชุมชนความหลากหลายทางเพศ มาร่วมเสวนาใน 6 หัวข้อหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจและธุรกิจ การแพทย์และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิมนุษยชน การศึกษา สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ผ่านเวทีเสวนากว่า 30 เวที ตลอดระยะเวลา 3 วัน (30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน) ที่ SCBX NEXT TECH, สยามเซ็นเตอร์, Lido Connect และ Siam Square One
นอกจากนี้ วันพรุ่งนี้ (1 มิถุนายน 2568) กรุงเทพฯ จะได้เป็นพยานในการเดินขบวนต้อนรับเดือนแห่งความหลากหลายอีกครั้ง กับงาน Bangkok Pride Festival 2025 ภายใต้ธีม “Born This Way” พาเหรดปีนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมถึง 300,000 คน เนื่องจากมีผู้เข้ามรวมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี (250,000 คนในปี 2024, 100,00 คนในปี 2023 และ 20,000 คนในปี 2022) งานเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 11.00 น. และขบวนเริ่มออกเดินตั้งแต่เวลา 14.00 น. จากสนามเทพหัสดิน ไปจนถึง Pride Stage บริเวณเซ็นทรัลเวิลด์