Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
รวมคาดการณ์ราคาทองปี 69 ม้าไฟจะพาทองไปถึงไหน? รู้ไว้ไม่ตกขบวนลงทุน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

รวมคาดการณ์ราคาทองปี 69 ม้าไฟจะพาทองไปถึงไหน? รู้ไว้ไม่ตกขบวนลงทุน

28 ธ.ค. 68
15:21 น.
แชร์

หากพูดถึงสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นที่สุดในปี 2568 นาทีนี้คงหนีไม่พ้น “ทองคำ” หลังราคาปรับตัวขึ้นมากกว่า 70% นับตั้งแต่ต้นปี ทำสถิติการเพิ่มขึ้นรายปีที่ร้อนแรงที่สุดในรอบกว่าสี่ทศวรรษ นับตั้งแต่ปี 2522

ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นักลงทุนจำนวนมากเลือกถอยออกจากสินทรัพย์เสี่ยง แล้วโยกเงินไปพักไว้ในสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อรับมือกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การช่วงชิงอำนาจของประเทศมหาอำนาจ และความกังวลต่อทิศทางนโยบายการเงินและการคลังในระยะยาวที่ยังไม่มีความชัดเจน

แรงซื้อของทองในตลาดยิ่งชัดขึ้น เมื่อในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำพุ่งทะลุระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก ขณะที่โลหะมีค่าอื่นอย่างเงิน แพลทินัม และแพลเลเดียม ต่างขยับทำสถิติสูงสุดใหม่ไปพร้อมกัน ราคาทองคำในตลาดสปอตไต่ขึ้นมายืนในกรอบราว 4,490-4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากระหว่างวันเคยแตะระดับเหนือ 4,525 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาทองคำล่วงหน้าสหรัฐสำหรับส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ก็ยืนเหนือ 4,520 ดอลลาร์ได้อย่างแข็งแกร่ง 

ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า กระแสเงินทุนรอบนี้ไม่ได้หนุนมูลค่าทองคำเพียงอย่างเดียว หากแต่ขับเคลื่อนตลาดโลหะมีค่าโดยรวม และนั่นทำให้ปี 2569 หรือ “ปีม้าไฟ” ถูกมองว่าอาจเป็นอีกปีที่ทองคำกลับมามีบทบาทสำคัญในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลกอีกครั้ง

วอลล์สตรีทประเมินทองปี 69 ไกลแค่ไหน

ในปี 2569 วอลล์สตรีทยังคงให้น้ำหนักเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำอย่างชัดเจน แม้ระดับความคาดหวังของแต่ละสำนักจะไม่เท่ากันก็ตาม โดย Goldman Sachs ประเมินทิศทางราคาทองคำในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป มองว่าราคาอาจอ่อนตัวลงมาพักฐานบริเวณต้นระดับ 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาสแรกของปี 2569 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นเหนือ 4,400 ดอลลาร์ในไตรมาสสอง ขยับทำจุดสูงสุดใหม่ใกล้ 4,630 ดอลลาร์ในไตรมาสสาม และปิดปลายปีแถวระดับราว 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายใต้สมมติฐานว่าเศรษฐกิจโลกยังสามารถขยายตัวต่อเนื่อง และเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวมประมาณ 50 basis points

ด้าน J.P. Morgan มีมุมมองเชิงรุกมากกว่า โดยประเมินว่าทองคำกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ระดับราคา 5,000 ดอลลาร์อย่างจริงจัง และคาดว่าราคาเฉลี่ยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2569 จะอยู่ที่ประมาณ 5,055 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ Bank of America ก็ประเมินเป้าหมายราคาทองคำในปีเดียวกันไว้ที่ระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เช่นกัน ส่วน Morgan Stanley แม้จะมีท่าทีระมัดระวังมากกว่า แต่ยังมองว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นไปแตะราว 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงกลางปี ก่อนที่แรงส่งจะเริ่มชะลอลงในช่วงปลายปี

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในการคาดการณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดมากที่สุดยังคงมาจาก Yardeni Research ซึ่งปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำสิ้นปี 2569 ขึ้นไปถึง 6,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากราคาทองคำสามารถทะลุหมุดหมายเดิมที่ระดับ 4,000 และ 5,000 ดอลลาร์ได้เร็วกว่าที่เคยคาดไว้หลายปี

นอกจากนี้ Yardeni ยังมองไกลไปถึงระดับ 10,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นทศวรรษนี้ สะท้อนมุมมองว่าการปรับขึ้นของทองคำรอบนี้อาจเป็นการเปลี่ยนกรอบความคาดหวังของตลาดการเงินโลก มากกว่าจะเป็นเพียงรอบเก็งกำไรตามวัฏจักรเศรษฐกิจเท่านั้น

ปัจจัยหนุนราคาทองยังเร่งตัวพร้อมกัน

นักวิเคราะห์มองว่า แรงขับเคลื่อนราคาทองคำในรอบนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนความกลัวระยะสั้น หากแต่เกิดจากการบรรจบกันของปัจจัยมหภาคและปัจจัยเชิงโครงสร้างหลายด้าน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญ ตั้งแต่สงครามในยุโรปตะวันออก ความไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง ไปจนถึงการแข่งขันด้านอำนาจ เทคโนโลยี และปัญญาประดิษฐ์ระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังผลักให้ทองคำกลับมามีบทบาทเป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงและหลักประกันของระบบการเงินโลกอีกครั้ง

ในด้านนโยบายการเงิน ตลาดประเมินว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ราวสองครั้ง ครั้งละ 25 basis points ในปีหน้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณต้องการให้ประธานเฟดคนถัดไปดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำ หากสภาวะตลาดการเงินเอื้ออำนวย สภาพแวดล้อมของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงซึ่งทยอยปรับลดลง จะเป็นปัจจัยหนุนโดยตรงต่อสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยอย่างทองคำ ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก

ฟาวาด ราซัคซาดา นักวิเคราะห์จาก City Index และ FOREX.com มองว่า ตลาดทองคำในเวลานี้ยังขาดปัจจัยลบที่ชัดเจน ขณะที่โมเมนตัมราคายังคงแข็งแกร่ง และมีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง รวมถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ยังอยู่ในระดับสูง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนช่วยประคองแนวโน้มขาขึ้นของทองคำ ขณะเดียวกัน การปรับตัวขึ้นของโลหะอุตสาหกรรมอย่างทองแดง ยังช่วยเสริมมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มโลหะและสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมอีกด้วย

แรงซื้อเชิงโครงสร้างจากธนาคารกลางยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของตลาดทองคำ หลายประเทศถือครองทองคำคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมด ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างจีนและญี่ปุ่นยังมีสัดส่วนการถือครองทองคำอยู่เพียงระดับเลขหลักเดียว ความไม่สมดุลนี้สะท้อนว่าตลาดยังมีพื้นที่ให้เพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำได้อีกมากในระยะยาว

ที่สำคัญ การสะสมทองคำในช่วงปี 2567-2568 ยังไม่ได้ชะลอลงตามการปรับขึ้นของราคา แต่กลับเร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยจีนเดินหน้าสร้างทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์ ตุรกีใช้ทองคำเป็นเครื่องมือช่วยลดความผันผวนของค่าเงิน รัสเซียพึ่งพาทองคำเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร ขณะที่อินเดียและประเทศในตะวันออกกลางมองทองคำในฐานะเครื่องมือกระจายความเสี่ยงระยะยาว มากกว่าการป้องกันความเสี่ยงเฉพาะหน้า

การเคลื่อนไหวของโลหะมีค่าอื่นยิ่งช่วยตอกย้ำภาพดังกล่าว โดยราคาเงินพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ราว 72.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับขึ้นมากกว่า 150% นับตั้งแต่ต้นปี แซงหน้าทองคำอย่างชัดเจน แรงหนุนหลักมาจากความต้องการเพื่อการลงทุน การถูกจัดให้อยู่ในรายชื่อแร่สำคัญของสหรัฐ รวมถึงการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน แพลทินัมและแพลเลเดียม ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในตัวเร่งปฏิกิริยาลดมลพิษของรถยนต์ ก็ปรับตัวขึ้นแรงไม่แพ้กัน โดยเพิ่มขึ้นราว 160% และมากกว่า 100% ตามลำดับ ปัจจัยหนุนมาจากภาวะอุปทานเหมืองที่ตึงตัว ความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษี รวมถึงการโยกย้ายเงินลงทุนบางส่วนออกจากทองคำเข้าสู่โลหะมีค่าทางเลือกอื่น ๆ

นักวิเคราะห์จากโซซิเอเต เจเนอราลมองว่า ความเสี่ยงที่จะเห็นการปรับฐานแรงของราคาทองคำจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ หากยังไม่เกิดสถานการณ์ดังกล่าว โครงสร้างการถือครองและตำแหน่งการลงทุนในตลาดยังบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นมีโอกาสเดินหน้าต่อ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของนักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จำนวนมากที่เชื่อว่าราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไปแตะหรือเข้าใกล้ระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2569

เมื่อปัจจัยทั้งหมดมาบรรจบกัน ทองคำจึงกำลังก้าวเข้าสู่ปีม้าไฟด้วยแรงหนุนที่แข็งแรงเป็นพิเศษ เพราะแทบไม่จำเป็นต้องรอเหตุการณ์วิกฤตใหม่เป็นตัวเร่งราคา เพียงแค่โลกยังต้องเผชิญหนี้ในระดับสูง ความไม่แน่นอนทางนโยบายที่ยืดเยื้อ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เปราะบาง และบทบาทของเงินดอลลาร์ที่ค่อย ๆ ลดลงจากเดิม ทองคำก็ยังคงยืนอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ

ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทองคำไม่ได้เคลื่อนไหวตามอารมณ์ตื่นกลัวของตลาด แต่กำลังทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์กระจายความเสี่ยงหลักของนักลงทุน และทำให้ปี 2569 เป็นอีกปีที่นักวิเคราะห์มองว่าอาจเป็นปีที่น่าสนใจและร้อนแรงมากที่สุดปีหนึ่งของตลาดทองคำในรอบหลายสิบปี



อ้างอิง: The Economic Times, KITCO, IG, The Street

แชร์
รวมคาดการณ์ราคาทองปี 69 ม้าไฟจะพาทองไปถึงไหน? รู้ไว้ไม่ตกขบวนลงทุน