Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทองลงต่อหรือมีแววพลิก? เปิดมุมมองนักวิเคราะห์ พร้อมกลยุทธ์ลงทุน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทองลงต่อหรือมีแววพลิก? เปิดมุมมองนักวิเคราะห์ พร้อมกลยุทธ์ลงทุน

29 ต.ค. 68
13:20 น.
แชร์

ราคาทองคำ (XAU/USD) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์ ใกล้ 3,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงเช้าวันพุธของตลาดเอเชีย ทองคำยังคงอ่อนตัวต่อเนื่อง เนื่องจากความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ลดลง ทำให้ความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง นักลงทุนจะจับตาการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงค่ำวันพุธนี้อย่างใกล้ชิด

ด้านราคาทองคำในประเทศวันนี้ (29 ต.ค. 2568) เวลา 13:06 น. มีการปรับเปลี่ยนมาแล้ว 17 ครั้ง โดยราคาทองคำแท่งอยู่ที่ รับซื้อบาทละ 60,700 บาท และขายออกบาทละ 60,800 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 59,487.84 บาท และขายออกบาทละ 61,600 บาท ราคาทองคำสปอตอยู่ที่ 3,968 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

ราคาทองคำในช่วงนี้ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยแรงขายทำกำไรเป็นปัจจัยกดดัน หลังจากราคาทองคำปรับขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน สัญญาณของการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลง ก็ทำให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำลดลงเช่นกัน

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า เขาคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า ได้บรรลุฉันทามติในเบื้องต้นแล้ว เพื่อให้ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน สามารถหารือและสรุปข้อตกลงในระหว่างการประชุมสุดยอดที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้

“ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ลดลงอย่างมาก และมีโอกาสที่ข้อตกลงทางการค้าจะเกิดขึ้นได้ในปลายสัปดาห์นี้ หลังการประชุมสุดยอดของสองผู้นำ นั่นเป็นสัญญาณเชิงลบต่อโลหะมีค่าที่ใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย” จิม ไวคอฟฟ์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco Metals กล่าว

ในอีกด้านหนึ่ง ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด อาจช่วยจำกัดการปรับตัวลงของราคาทองคำได้บางส่วน ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มสูงที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลง 25 จุด (0.25%) ในการประชุมเดือนตุลาคม ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเฟดฟันด์เป้าหมายอยู่ที่ 3.75%-4.00%

ตลาดการเงินประเมินความเป็นไปได้เกือบ 100% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 25 จุด อ้างอิงจากเครื่องมือ CME FedWatch ซึ่งหมายความว่านี่จะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่สองติดต่อกัน หลังจากที่เฟดเพิ่งลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน การลดอัตราดอกเบี้ยลง จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสของการถือครองทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน และช่วยพยุงราคาทองคำได้บางส่วน

ทองทรงตัว ลุ้นรีบาวด์ในกรอบจำกัดหลังดีลแร่ฯ สหรัฐ-ญี่ปุ่น

ฮั่วเซ่งเฮงประเมินว่าแนวโน้มราคาทองคำวันนี้มีโอกาสฟื้นตัวได้ในกรอบจำกัด หลังจากก่อนหน้านี้ราคาทองคำโลกยังคงปรับตัวลง เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามร่วมกับนางซานาเอะ ทาคาอิจิ ในข้อตกลงการค้าด้านแร่ธาตุสำคัญ และโครงการลงทุนมูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียด ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ นายสก็อตต์ เบสเซนต์ ระบุว่าคำขู่ของทรัมป์ในการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีก 100% ซึ่งจะมีผลวันที่ 1 พฤศจิกายน อาจไม่เกิดขึ้น โดยจีนมีแนวโน้มจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐ และเลื่อนการจำกัดการส่งออกแร่หายากออกไปอีกหนึ่งปี

อย่างไรก็ตาม ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 มาอยู่ที่ระดับ 98.73 จาก 98.96 หลังจากสหรัฐรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนตุลาคมลดลงสู่ระดับ 94.6 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ขณะเดียวกัน การปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 28 และรัฐบาลกลางเตือนว่าโครงการสวัสดิการอาหาร (SNAP) จะยุติลงในวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งอาจกระทบประชาชนราว 42 ล้านคน และเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกองทุน SPDR ยังคงถือครองทองคำเท่าเดิมที่ 1,038.92 ตัน

สำหรับแนวโน้มราคาทองในระยะถัดไป เมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาทองคำโลกปรับลงแตะระดับแนวรับที่ 3,886 ดอลลาร์ ก่อนฟื้นตัวขึ้น จึงประเมินว่า หากสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 4,000 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดแนวรับถัดไปที่ 3,850 ดอลลาร์ อาจเห็นการปรับฐานลงต่อเนื่อง

ทองรีบาวด์ ลุ้นยืนเหนือ 4,020 ดอลลาร์ แนวรับ 3,970 ดอลลาร์

ด้าน Intergold ระบุว่า ราคาทองคำโลก หลังจากปรับตัวลงแรงก่อนหน้า เริ่มเห็นแรงซื้อกลับ (rebound) ระยะสั้น จากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการคลังของสหรัฐฯ ที่กระตุ้นให้นักลงทุนบางส่วนกลับมาถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ในเชิงเทคนิค ราคาทองคำเริ่มปรากฏ “แท่งเขียว” ต่อเนื่องในกราฟรายวัน สะท้อนแรงซื้อกลับระยะสั้น โดยแนวต้านแรกอยู่บริเวณ 4,020 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 62,800 บาทต่อบาททองคำ) ส่วนแนวรับหลักอยู่ที่ 3,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 61,700 บาทต่อบาททองคำ) 

กลยุทธ์ระยะสั้น แนะนำให้ “ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว” (Buy on Dips) ใกล้ระดับแนวรับ 3,970 ดอลลาร์ หากราคาทองคำยืนเหนือ 4,020 ดอลลาร์ได้ มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4,060-4,080 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุด 3,950 ดอลลาร์ ควรระวังแรงขายทำกำไรซ้ำ เนื่องจากโมเมนตัมอาจกลับมาเป็นขาลงอีกครั้ง

ทองมีแววรีบาวด์ จับตาแนวรับ 3,875 ดอลลาร์ ยืนได้มีลุ้นถึง 4,020

YLG Bullion and Futures ระบุว่า เมื่อวานราคาทองคำโลกปรับตัวหลุดระดับ 3,973 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการปรับฐานอาจยังไม่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นแรงรีบาวด์กลับขึ้นหลังจากดัชนี RSI ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมงและ 4 ชั่วโมงเข้าสู่ภาวะ “Oversold” หรือแรงขายมากเกินไป

สำหรับวันนี้ ตลาดจับตาว่าราคาทองคำจะสามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 3,886-3,875 ดอลลาร์ได้หรือไม่ หากยืนได้ มีโอกาสสร้างมุมมองว่าการพักฐานใกล้สิ้นสุดแล้ว ขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 4,020 ดอลลาร์ หากไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ แนวโน้มยังคงแกว่งตัวออกข้างหรือต้องพักตัวต่อ แต่หากราคาทะลุระดับ 4,020 ดอลลาร์ขึ้นไป จะเป็นสัญญาณบวกมากขึ้นต่อทิศทางราคาในระยะถัดไป

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ “เสี่ยงซื้อ” หากราคายังไม่หลุดแนวรับ 3,886-3,875 ดอลลาร์ โดยตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุด 3,875 ดอลลาร์ เพื่อรอดูทิศทางการเคลื่อนไหวอีกครั้ง ส่วนฝั่งขายทำกำไร แนะนำขายหากราคาปรับขึ้นแต่ไม่ผ่านแนวต้าน 4,000-4,020 ดอลลาร์ และหากราคาทะลุผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ ควรชะลอการขายไปยังแนวต้านถัดไป

ทองแกว่งรอเฟดลดดอกเบี้ย ทดสอบระดับ 4,000-4,020 หากไม่ผ่านเสี่ยงอ่อนตัว

บล.โกลเบล็กซ์ประเมินว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนในระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางกลับมารุนแรงขึ้น หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีฉนวนกาซา โดยอ้างว่ากลุ่มฮามาสละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำอาจถูกกดดันจากแรงขายทำกำไร (Sell on Fact) หลังนักลงทุนรับข่าวการคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยไปแล้วบางส่วน โดยฝ่ายวิเคราะห์แนะว่าหากราคาทองไม่สามารถทะลุแนวต้านบริเวณ 4,000-4,020 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อ

ด้านปัจจัยบวก ได้แก่ ข้อมูลจาก Conference Board ที่เผยว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนตุลาคมลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวลดลง ส่วนปัจจัยลบคือรายงานจาก ADP ที่ระบุว่าการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นกว่า 14,000 ตำแหน่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่งและอาจจำกัดแรงหนุนต่อราคาทองคำ


แชร์
ทองลงต่อหรือมีแววพลิก? เปิดมุมมองนักวิเคราะห์ พร้อมกลยุทธ์ลงทุน