Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปิดแผนธุรกิจปตท. ลุย CCS และพลังงานไฮโดรเจนฝ่าความท้าทายธุรกิจพลังงาน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เปิดแผนธุรกิจปตท. ลุย CCS และพลังงานไฮโดรเจนฝ่าความท้าทายธุรกิจพลังงาน

14 มี.ค. 68
07:25 น.
|
441
แชร์

ช่วงเวลาแห่งการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2567 ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว และเราคงได้เห็นแล้วว่าในปีที่ผ่านมาสถานการณ์ของบริษัทจดทะเบียนในบ้านเราส่วนใหญ่มีผลประกอบการที่แย่ลง มีกำไรที่ลดลง ไม่เว้นแม้แต่บริษัทขนาดใหญ่มากอย่าง “ปตท.” ที่เผชิญกับความท้าทายหลายด้าน จนในปี 2025 นี้เป็นปีที่ ปตท.ประกาศว่า จะเป็นปีแห่งการลงทุนที่ดี และเป็นปีที่จะต้องลดความเสี่ยงควบคู่กันไปด้วย

“ตั้งแต่ปี2025 เป็นต้นไปเราจะสร้างความมั่นคงเติบโตด้วยการลงทุนที่ดี เป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงและลดความเสี่ยงนะครับ​​ การสร้างการเติบโตที่ก้าวกระโดด มีโอกาสน้อยกว่าการลงทุนแล้วอาจมีปัญหา ฉะนั้นตอนนี้สิ่งที่สําคัญคือเราต้องสร้างเสถียรภาพและความมั่นคง” คุณคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด มหาชน กล่าว 

คุณคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด มหาชน

SPOTLIGHT  พามาดูแผนธุรกิจของกลุ่ม ปตท.ว่าจากนี้ไปอะไรคือ กลยุทธ์สำคัญที่จะนำพาบริษัทพลังงานแห่งชาติของไทยนี้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไป ท่ามกลางความท้าทายของอุตสาหกรรมพลังงานโลก 

สรุปผลประกอบการบริษัทในกลุ่ม ปตท. ปี 2567

กลุ่ม ปตท. ทั้ง 7 บริษัทได้รายงานผลประกอบการปี 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯแห่งเป็นที่เรียบร้อย และพบว่ามีกำไรสุทธิรวมกันทั้งกลุ่มอยู่ที่ 155,563.98 ล้านบาท ลดลง 29.62% จากปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวม 221,037.69 ล้านบาท

1.PTT กำไรสุทธิ 90,072 ล้านบาท ลดลง 19.6%
2.PTTEP กำไรสุทธิ 78,824.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.76%
3.TOP กำไรสุทธิ 9,958.63 ล้านบาท ลดลง 48.78%
4.OR กำไรสุทธิ 7,650.31 ล้านบาท ลดลง 31%
5.GPSC กำไรสุทธิ 4,062.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.97%
6.IRPC ขาดทุนสุทธิ 5,193.03 ล้านบาท ลดลง 77.65%
7.PTTGC ขาดทุนสุทธิ 29,810.55 ล้านบาท พลิกจากที่เคยทำกำไร 999.13 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

ผลประกอบการจะเห็นได้ว่า ธุรกิจของ ปตท.สผ.และ GPSC เป็นธุรกิจยังคงมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง ที่ในเวลาเดียวกันภาพรวมผลประกอบการที่ลดลงสะท้อนถึงแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของราคาพลังงาน ต้นทุนวัตถุดิบ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานโดยตรง

ความท้าทายหลายด้านที่ ปตท. ต้องเผชิญ

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า การทำธุรกิจในปัจจุบันการเติบโตแบบก้าวกระโดไม่ใช่เรื่องง่าย ความท้าทายของธุรกิจพลังงานในปัจจุบันที่ปตท. ต้องเผชิญมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผลกระทบจากความผันผวนของราคาพลังงานในตลาดโลก การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ที่เรากำลังมุ่งสู่พลังงานสะอาด การแข่งขันทางเศรษฐกิจ นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะโลกร้อน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามในตะวันออกกลางและความตึงเครียดในเอเชีย

"เราต้องสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ โดยเน้นที่ต้นทุนที่เหมาะสม และสร้างมูลค่าเพิ่มจากพลังงานที่มีอยู่ ไปสู่การต่อยอดในธุรกิจแก๊สและปิโตรเคมี เพื่อลดผลกระทบจากการแข่งขันในตลาดโลก" นายคงกระพัน กล่าว ดังนั้นสิ่งที่ ปตท.ต้องปรับคือแผนธุรกิจทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

คุณคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด มหาชน

ปตท. วางกลยุทธ์ใน 3 ระยะ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

ระยะสั้น (ภายใน 3 ปี) จำนวนการลงทุนไม่มาก ความเสี่ยงต่ำ

  • ดำเนินโครงการ Operational Excellence เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA ประมาณ 30,000 ล้านบาท
  • ทำ Synergy ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ในประเทศ ให้เพิ่มกำไรปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท
  • พัฒนาระบบ Digital Transformation เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

ระยะกลาง 

  • ตั้งเป้าพัฒนา LNG Hub ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการนำเข้าและทำการค้าก๊าซ LNG
  • ปรับพอร์ตธุรกิจปิโตรเคมี ร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการลงทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
  • ขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน รองรับพลังงานสะอาด

ระยะยาว

  • พัฒนาโครงการพลังงานไฮโดรเจนและ Carbon Capture and Storage (CCS) หรือการกักเก็บคาร์บอน
  • ใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานทดแทนในโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรม
  • ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050

"CCS" และ "ไฮโดรเจน" - พระเอกใหม่ของ ปตท.

เมื่อธุรกิจพลังงานกำลังเปลี่นผ่านไปสู่ความยั่งยืนทำให้ ปตท.ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่อยู่ตลอดเวลา นอกจากกลุ่มพลังงานฟอสซิลที่มีความแข็งแรงอยู่แล้ว และธุรกิจพลังงานใหม่ๆที่ปตท.มีเป้าหมายลงทุน คือ พลังงานไฮโดรเจน และ CCS จะเป็นธุรกิจหลักใหม่ในอนาคต เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและลดคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรมรวมถึงเป้าหมายของประเทศไทยด้วย 

CCS (Carbon Capture and Storage)

CCS คือ เทคโนโลยีในการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) จากกระบวนการผลิต เพื่อป้องกันการปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ โดยปตท. มีแผนลงทุนในโครงการ CCS ทั้งในอ่าวไทยและโรงงานปิโตรเคมี เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

พลังงานไฮโดรเจน

ไฮโดรเจน เป็นพลังงานสะอาดที่สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรม และผลิตกระแสไฟฟ้า แต่กระบวนการผลิตไฮโดรเจนยังมีต้นทุนที่สูงมากกว่าการใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติหลายเท่าตัว แต่กระบวนการเผาไหม้เป็นพลังงานที่สะอาด 

ในระยะแรก ปตท.จึงจะนำเข้าไฮโดรเจนจากต่างประเทศก่อน เช่น ตะวันออกกลางและอินเดีย ในรูปแบบแอมโมเนีย เพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยง รวมถึงหาพาร์ทเนอร์เพื่อเข้าไปลงทุนด้านพลังงานไฮโดรเจนในต่างประเทศก่อน

ส่วนในเป้าหมายระยะยาว คือการผลิตไฮโดรเจนภายในประเทศ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและต้นทุนต่ำให้ได้ ซึ่งทำให้ไฮโดรเจนอาจเป็นพลังงานที่แทนพลังงานก๊าซธรรมชาติในอนาคตได้

"การใช้ไฮโดรเจนในประเทศไทยอาจเริ่มจากการผสมในเชื้อเพลิงที่มีอยู่ เช่น ก๊าซธรรมชาติ และในระยะยาวอาจมีการเปลี่ยนมาใช้ไฮโดรเจนในสัดส่วนที่สูงขึ้น" นายคงกระพัน กล่าว

แชร์
เปิดแผนธุรกิจปตท. ลุย CCS และพลังงานไฮโดรเจนฝ่าความท้าทายธุรกิจพลังงาน