ข่าวเศรษฐกิจ

3 ข้อกังวลของภาคครัวเรือนไทย ทั้งค่าครองชีพสูง รายได้ จ้างงาน หนี้สินเพิ่ม

6 ส.ค. 66
3 ข้อกังวลของภาคครัวเรือนไทย ทั้งค่าครองชีพสูง รายได้ จ้างงาน หนี้สินเพิ่ม

ปัญหาหนี้เรื้อรัง ตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง อยู่ถึง 90.6% ของจีดีพี ที่เร่งตัวขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 เป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องเร่งแก้ไขร่วมกัน ขณะที่ภาคครัวเรือนไทยเองก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะการครองชีพในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 

โดยผลสำรวจจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ภาคครัวเรือนมีประเด็นความกังวลเกี่ยวกับภาวะการครองชีพ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 มีความกังวลมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ 

  1. ค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง เช่น ค่าไฟฟ้า  
  2. รายได้และการจ้างงาน
  3. ภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น เช่น ก่อหนี้เพิ่ม อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูง 

สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่มีความกังวล รองลงมา คือ 

  1. สุขภาพของตนเองและครอบครัว
  2. ความล่าช้าของการจัดตั้งรัฐบาลอาจมีผลต่อการดำเนินนโยบายต่าง ๆ 
  3. ผลกระทบจากสภาพอาหารที่แปรปรวน เช่น ผลผลิตทางการเกษตรลดลง เป็นต้น

สำหรับในระยะต่อไปข้างหน้านั้น ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) คาดการณ์ว่า จะยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างเปราะบาง แม้ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องก็ตาม

ปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อน คือ ภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญที่จะเข้ามาหนุนรายได้และการจ้างงานของครัวเรือน 

แต่ยังมีความเสี่ยง จากภายนอกประเทศอย่างการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เข้ามากดดันภาคการส่งออกของไทย และการส่งผ่านต้นทุนทางการเงินจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 

รวมถึง ยังมีความไม่แน่นอนจากการส่งผ่านต้นทุนผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค สภาพอากาศที่แปรปรวนจากผลของปรากฎการณ์เอลนีโญในระยะข้างหน้า และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังคงอยู่ในสภาวะสุญญากาศก็ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม 

เดือนก.ค.66 KR-EC ปรับตัวดีขึ้นที่ 36.0 จาก 35.0 ในเดือนมิ.ย.66 ขณะที่ดัชนี 3 เดือนข้างหน้ายังทรงตัว 38.8 สะท้อนครัวเรือนลดความกังวลที่มีต่อภาวะการครองชีพลง สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยซึ่งมีแรงหนุนจากการกลับมาฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสำคัญ ณ สิ้นเดือนก.ค.66 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศราว 15.3 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อเนื่องไปยังรายได้และการจ้างงานของครัวเรือนให้ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวเนื่องกับภาคท่องเที่ยว 

สะท้อนผ่านผลสำรวจภาวะการทำงานของประชากรในไตรมาส 2/2566 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ผู้มีงานทำในภาคบริการและการค้ามีเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 2.8%YoY 

ทั้งนี้ เป็นการขยายตัวติดต่อกันถึง 6 ไตรมาส ขณะที่ผู้มีงานทำในภาคอื่น ๆ อาจฟื้นตัวไม่ดีเท่าหรือหดตัว อาทิ ภาคเกษตรกรรม สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีลักษณะไม่ทั่วถึง 

แต่ครัวเรือนไทยยมีระดับความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าและค่าใช้จ่าย (ไม่รวมหนี้สิน) ลดลง แม้ว่าราคาพลังงานในตลาดโลกยังคงผันผวนและปรับสูงขึ้นในเดือนก.ค.66 แต่ราคาพลังงานเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ในประเทศยังถูกตรึงไว้ที่ระดับเดิม 

ทั้งราคาก๊าซหุงต้มยังอยู่ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร และค่าไฟฟ้างวดเดือนพ.ค.-ส.ค.66 อยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย และงวดเดือนก.ย.-ธ.ค.66 มีแนวโน้มจะปรับลดลงที่ระดับ 4.45 บาทต่อหน่วย 

ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินลดลง เนื่องจากยอดผ่อนบัตรเครดิตจากการซื้อสินค้าคงทนหมดลง และมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อช่วงปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมาก็อาจช่วยคลายความกังวลของครัวเรือนที่มีต่อภาระหนี้สินได้ในระยะข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจเพิ่มเติมของศูนย์วิจัยกสิกรไทยเกี่ยวกับสถานการณ์จ้างงานในองค์กรของครัวเรือนในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ครัวเรือนส่วนใหญ่ ระบุว่า ไม่มีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงใด ๆ ในองค์กร 

ขณะที่การชะลอการรับพนักงานใหม่ การลดเวลาการทำงานล่วงหน้า (OT) และการเลิกจ้างมีสัดส่วนลดลงแสดงถึงทิศทางการปรับตัวดีขึ้นของตลาดแรงงานไทยจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT