
ท่ามกลางการปะทะทางทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่กลับมาทวีความตึงเครียดอีกครั้งในช่วงเดือนนี้ ภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชากำลังเผชิญแรงกดดันระลอกใหม่ แม้พื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างเสียมราฐและกลุ่มปราสาทนครวัดจะยังไม่เห็นผลกระทบโดยตรงในชีวิตประจำวัน แต่บรรยากาศความไม่แน่นอนเริ่มส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวกัมพูชา หลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกัมพูชาเพิ่งทยอยฟื้นจากผลกระทบของโควิด-19 ได้ไม่นาน สัญญาณอย่างจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอลง คำถามด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น และการตัดสินใจลดระยะเวลาพำนัก สะท้อนว่าความขัดแย้งซึ่งยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย กำลังกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่ซ้ำเติมเศรษฐกิจกัมพูชาซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในภาวะเปราะบางอยู่แล้ว
ทามารา นักท่องเที่ยวชาวเยอรมันวัย 29 ปี เป็นหนึ่งในนักเดินทางที่ตัดสินใจปรับแผนท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด เดิมเธอวางแผนจะพำนักในกัมพูชานานกว่านี้ ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในเอเชียเป็นเวลา 3 เดือน แต่สุดท้ายเลือกจำกัดการเยือนเหลือเพียง 3 วัน เพื่อท่องเที่ยวเมืองเสียมราฐและกลุ่มปราสาทนครวัด หลังการปะทะทางทหารข้ามพรมแดนกับไทยทวีความรุนแรงขึ้นในสัปดาห์นี้
ทามาราเล่าว่า เธอเลื่อนการเดินทางออกไปช่วงสั้น ๆ ก่อนตัดสินใจมาเยือน เพราะประเมินว่าสถานการณ์มีแนวโน้มแย่ลง ระหว่างการชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด เธอระบุว่าบรรยากาศในพื้นที่ท่องเที่ยวยังคงสงบ และแทบไม่รับรู้ถึงผลกระทบของความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม พนักงานโรงแรมและคนขับรถในท้องถิ่นหลายรายแสดงความกังวล โดยเฉพาะหลังมีรายงานว่าการสู้รบขยายตัวเข้ามาใกล้เมืองเสียมราฐในรัศมีราว 70 กิโลเมตร
แม้นักท่องเที่ยวบางส่วนจะยังรู้สึกปลอดภัย แต่ภาพดังกล่าวกลับสวนทางกับมุมมองของผู้บริหารในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งประเมินว่าการปะทะที่เริ่มขึ้นราว 11 วันก่อน และยังไม่เห็นสัญญาณคลี่คลาย อาจสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนเกือบ 10% ของเศรษฐกิจกัมพูชา โดยเฉพาะในบริบทที่ประเทศเพิ่งเผชิญการปะทะลักษณะเดียวกันเป็นเวลา 5 วันเมื่อเดือนกรกฎาคม และยังต้องรับมือกับผลกระทบต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า
ข้อมูลจาก Angkor Enterprise ซึ่งทำหน้าที่ดูแลการจำหน่ายบัตรเข้าชมปราสาทนครวัดและโบราณสถานสำคัญทั่วประเทศ ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน นับตั้งแต่ความตึงเครียดกับไทยปะทุขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม โดยระหว่างเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงราว 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567
แม้ตลอดปีที่ผ่านมา อุทยานนครวัดจะมีผู้เข้าชมมากกว่า 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อนหน้า แต่ยังถือว่าต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของระดับกว่า 2 ล้านคนในช่วงปี 2561-2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ภาพรวมทั้งประเทศยิ่งน่ากังวล เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงถึง 34% นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เคยเดินทางข้ามพรมแดนไปใช้บริการกาสิโน ซึ่งหายไปอย่างเห็นได้ชัด
แรงงานและผู้ประกอบการในภาคท่องเที่ยวระบุว่า ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยจากนักท่องเที่ยววันละหลายสิบครั้ง ด้านสมาคมการท่องเที่ยวกัมพูชาเปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการทัวร์พยายามสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง โดยย้ำว่าพื้นที่พิพาทอยู่ห่างจากแหล่งท่องเที่ยวหลัก เช่น เสียมราฐ พนมเปญ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญอื่น ๆ และยืนยันว่าความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นลำดับความสำคัญสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางทหารที่ทวีความรุนแรงขึ้นได้เริ่มส่งแรงกระเพื่อมมายังภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชาอย่างชัดเจน กระทรวงกลาโหมกัมพูชารายงานเมื่อวันจันทร์ว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทยได้ทิ้งระเบิดในจังหวัดเสียมราฐ บริเวณชายแดนติดกับจังหวัดอุดรมีชัย ซึ่งนับเป็นการรุกล้ำเข้ามาในดินแดนกัมพูชาลึกที่สุดเท่าที่เคยมีรายงาน แม้พื้นที่ดังกล่าวจะยังอยู่ห่างจากแหล่งมรดกโลกนครวัดของยูเนสโกในระดับหนึ่งก็ตาม
ชาย สีวลิน ประธานสมาคมการท่องเที่ยวกัมพูชา ระบุว่า การสู้รบที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนนี้ รวมถึงเหตุปะทะเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายต่อปราสาทพระวิหารและปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนพิพาท ชาย สีวลิน อธิบายว่า โบราณสถานเหล่านี้เปรียบเสมือน “หัวใจและจิตวิญญาณ” ของการท่องเที่ยวกัมพูชา และการได้รับสถานะมรดกโลกจากยูเนสโกเคยสร้างความหวังว่า จะได้รับการคุ้มครองจากประชาคมนานาชาติ
อย่างไรก็ดี การขาดการปรากฏตัวและการตอบสนองที่เป็นรูปธรรมของยูเนสโก หลังเกิดความเสียหายต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ กลับสร้างความผิดหวังและบั่นทอนขวัญกำลังใจอย่างมาก แม้ยูเนสโกจะออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อความขัดแย้งตามแนวชายแดน และย้ำเตือนทุกฝ่ายให้ปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศก็ตาม
ผลกระทบดังกล่าวสะท้อนออกมาในภาคการท่องเที่ยวโดยตรง ผู้ประกอบการทัวร์ระบุว่า นักท่องเที่ยวบางส่วนตัดสินใจยกเลิกการเดินทาง หลังการสู้รบกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน สถานทูตสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรได้ปรับคำแนะนำการเดินทาง โดยเตือนให้พลเมืองหลีกเลี่ยงพื้นที่ภายในรัศมี 50 กิโลเมตรจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ตามปกติ เดือนธันวาคมและมกราคมถือเป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยวในภูมิภาค แต่ไกด์ท้องถิ่นเริ่มเตรียมรับมือกับความเป็นไปได้ที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ฮักเลา เชย ไกด์ชาวกัมพูชาและผู้ดูแลสื่อท่องเที่ยว Laoclassics กล่าวว่า นักท่องเที่ยวมีความลังเลมากขึ้นในการตัดสินใจจองทริป แม้จะยังมีการสอบถามสำหรับช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน แต่จำนวนการจองจริงยังต่ำกว่าปี 2567 โดยคำถามส่วนใหญ่มักเริ่มต้นจากความกังวลด้านความปลอดภัย
ฮักเลา เชย มองว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากยังมีความตั้งใจจะเดินทางมา เพียงแต่เลือกชะลอการตัดสินใจ ส่งผลให้การจองล่วงหน้าลดลง และระยะเวลาการเดินทางสั้นลงกว่าที่เคยเป็น
ในภาพรวม ทั้งไทยและกัมพูชาต่างรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ไม่ได้เป็นผลจากความตึงเครียดทางทหารเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยอื่น เช่น ภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำท่วมในภาคใต้ของไทย รวมถึงปัญหาการหลอกลวงออนไลน์และการค้ามนุษย์ในภูมิภาค โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประเมินว่า ปี 2569 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 32 ล้านคน ลดลงประมาณ 9.8% จากปีก่อนหน้า
ด้านอเล็กซี เดอ ซูเรแม็ง เจ้าของรีสอร์ต Templation ในเสียมราฐ และผู้ก่อตั้งแบรนด์โรงแรม Maads กล่าวว่า จากมุมมองของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ข่าวความไม่สงบ แม้จะเกิดขึ้นเพียงบางพื้นที่ ก็สามารถกระตุ้นความกังวลได้ในทันที อเล็กซียกตัวอย่างเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ เมื่อราว 10 ปีก่อน ซึ่งส่งผลให้การจองที่พักในพนมเปญถูกยกเลิก ทั้งที่อยู่คนละประเทศ
อเล็กซีเสริมว่า ภาวะค่าครองชีพที่ตึงตัวทั่วโลกก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เพราะเมื่อผู้คนต้องเผชิญความกังวลด้านรายได้ ครอบครัว หรือความไม่แน่นอนอื่น ๆ การท่องเที่ยวมักเป็นค่าใช้จ่ายลำดับแรกที่ถูกตัดออก
แม้นครวัดจะยังคงเป็น “แม่เหล็ก” สำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่อเล็กซีชี้ว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังไม่กระจายตัวไปยังพื้นที่อื่นของกัมพูชามากนัก ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ทั้งในลุ่มแม่น้ำโขงและรอบทะเลสาบโตนเลสาบ ที่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอีกจำนวนมากรอการค้นพบ