Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
แบงก์ชาติ เคลียร์ชัดปัญหาบาทแข็งและดอกเบี้ยนโยบาย
โดย : อังคนางค์ จิตรกร

แบงก์ชาติ เคลียร์ชัดปัญหาบาทแข็งและดอกเบี้ยนโยบาย

23 พ.ย. 68
15:54 น.
แชร์

เศรษฐกิจไทยที่เจอปัจจัยลบรุมเร้าหลายด้านทั้งภายในประเทศและการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของปี 2568 มีโอกาสจะต่ำกว่า 2% ทำให้ภาครัฐจะต้องออกมาตรการมาดูแลเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

แต่นอกจากนโยบายทางการคลังซึ่งมีข้อจำกัด หลายฝ่ายจับตามองไปที่นโยบายการเงินโดยเฉพาะเมื่อมีการเข้ามารับตำแหน่งของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ คุณวิทัย รัตนากร ว่าจะมีแนวนโยบายอย่างไร? กับ 2 เรื่องใหญ่คือ “แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายและค่าเงินบาท” ที่กำลังแข็งค่าในปัจจุบัน

ผู้ว่าแบงก์ชาติ ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีเงินบาทของไทยแข็งค่าแล้ว 5% ขณะที่เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านหรือกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ถือว่าสอดคล้องกับหลายสกุลเงิน เช่นค่าเงินของริงกิตมาเลเซียแข็งค่า 7.7% ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่า 3.9% ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่า 4.3% 

แต่มีบางประเทศที่ค่าเงินอ่อนค่าจากปัจจัยเฉพาะ เช่น เวียดนาม ค่าเงินดองอ่อนค่า 3.3% เพราะผู้ส่งออกบางส่วนของเวียดนามไม่ convert รายได้จาก USD เป็นเงินดอง และมีเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้น

ขณะที่อินโดนีเซียค่าเงินรูเปียะห์อ่อนค่า 3.4% เพราะมีความกังวลเสถียรภาพทางการเมืองและการคลังรวมถึงความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของธนาคารกลาง 

สำหรับสาเหตุสำคัญ ที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาจาก

  • การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐโดยตั้งแต่ต้นปี 2568 เงิน USD ปรับอ่อนค่าราว 7% (ณ วันที่ 21 พ.ย.) จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ 
  • การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด (Current account) ที่สูงกว่าคาด โดยตั้งแต่ไตรมาส 1 ราว 11.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  จากการส่งออกที่เติบโตได้ดี ทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้น จาก 34.1 - 32.48 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 
  • เงินลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งการเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตร และการลงทุนโดยตรง (FDI)
  • การซื้อขายทองคำของคนไทย ผ่าน online platformโดยเฉพาะในปีนี้ ที่ราคาทองคำปรับสูงต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อราคาทองสูงขึ้น ลูกค้ามักจะขายทองในสกุลเงินบาทกับร้านทอง ร้านทองจึงต้องไปขายทองคำกับคู่ค้าในต่างประเทศ พร้อมกับทำธุรกรรม FX เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านการแข็งค่าของเงินบาท 

ทั้งนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินว่าปี 2569 สถานการณ์ค่าเงินบาทไทยจะดีขึ้นจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจะลดลง

อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยมีการดูแลความผันผวนอยู่แล้ว แต่การดูแลค่าเงินมีข้อจำกัดเนื่องจากสหรัฐอเมริกามีการประเมินการดูแลค่าเงินของประเทศคู่ค้าคู่แข่งรวมถึงไทย เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศต่างๆ จะไม่ดูแลค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้า 

ทั้งนี้เกณฑ์การพิจารณาของ US Treasury (ในช่วง 12 เดือน) ที่อาจเข้าข่ายเป็น currency manipulator ประกอบด้วย 3 ข้อ ได้แก่

1. เกินดุลการค้าและบริการกับ US > 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

2. เกินดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account: CA) > 3% ของ GDP 

3. แทรกแซงค่าเงินด้านซื้อ FX สุทธิรวม > 2% ของ GDP 

ทั้งนี้ผู้ว่าแบงก์ชาติระบุว่า หน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยคือการลดความผันผวนของค่าเงิน แต่หากจะทำให้กลับทิศทางจะผิดเกณฑ์ของสหรัฐฯส่งผลต่อการถูกขึ้นบัญชีได้ ดังนั้นอยากเห็นค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่อ่อนค่าเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง

ลดดอกเบี้ยมีผลต่อเศรษฐกิจไทยจำกัด

ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจค่อนข้างจำกัดเพราะเศรษฐกิจไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง  

ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยได้ถูกปรับลดลงแล้ว 1% จากปี 2567 ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในลักษณะผ่อนคลายที่มีความเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน 

อย่างไรก็ตาม แบงก์ชาติอยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลทางเศรษฐกิจในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ก่อนที่จะมีการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งสุดท้ายของปี 2568 ในวันที่ 17 ธันวาคม โดยอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันอยู่ที่ 1.50%  

แบงก์ชาติ มีส่วนช่วยดูแลปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจ  

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้อธิบายถึงบทบาทหน้าที่ของ ธปท. ที่ขยายขอบเขตจากเดิมที่เน้นการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค (เงินเฟ้อต่ำ, สถาบันการเงินแข็งแกร่ง, ระบบการชำระเงินมีเสถียรภาพ) ไปสู่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างด้วยมาตรการเฉพาะจุด โดยเน้นย้ำค่านิยม "ยืนตรง มองไกล ยื่นมือ" เพื่อเข้าไปช่วยเหลือและใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น 

1.การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน

หนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญ มาตรการที่ออกมาคือโครงการโอนหนี้เสีย (NPL) รายย่อยมูลค่า 100,000 ล้านบาท (1.6 ล้านบัญชี) ไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) โดยใช้เงินจากกองทุน FIDF คาดว่า จะเริ่มโอนบัญชีหนี้เสียดังกล่าวได้ ม.ค.2569  และสามารถช่วยให้ 800,000 รายหลุดพ้นจากหนี้เสียและกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้

‘มาตรการที่ทำเป็นหนึ่งใน "จิ๊กซอว์" ที่จะช่วยบรรเทาปัญหา ไม่ใช่การแก้ไขแบบเบ็ดเสร็จในครั้งเดียว คงต้องทำต่อไปเรื่อยๆ’

2.แก้ปัญหาสินเชื่อ SME หดตัว

อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของ เศรษฐกิจไทยในเวลานี้คือการที่อัตราสินเชื่อหดตัว โดยสินเชื่อรวมติดลบต่อเนื่อง 5 ไตรมาส และสินเชื่อ SME ติดลบต่อเนื่อง 13 ไตรมาส ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญ สะท้อนจากเศรษฐกิจที่ไม่ดี (ความต้องการกู้ลดลง) และสถาบันการเงินระมัดระวัง (ต้นทุนความเสี่ยงด้านเครดิตสูง)

มาตรการที่กำลังดำเนินการคือ การจัดตั้งกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ SME ร่วมกับรัฐบาล กระทรวงการคลังและสมาคมธนาคารไทย โดยใช้เงินจากกองทุน FIDF ที่เหลืออยู่หรือจาก FIDF ปีถัดไป ประมาณ 20,000 ล้านบาท แต่คาดหวังว่าจะสามารถค้ำประกันสินเชื่อได้ประมาณ 100,000 ล้านบาท 

โดยมีธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมปล่อยสินเชื่อเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ SME ขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพในการแข่งขัน (เช่น Reinvent Thailand 5 อุตสาหกรรม: อาหาร, เกษตรแปรรูป, เวลเนส) หรือธุรกิจที่ต้องการส่งเสริม (เช่น Green, EV, Digital) ไม่ใช่เป็นการค้ำประกันแบบการกระจายทั่วไป โดยจะพิจารณากำหนดวงเงินสูงสุดต่อรายเพื่อกระจายให้กับผู้ประกอบการได้อย่างเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 50-100 ล้านบาท

มาตรการนี้จะเกิดผลชัดเจน ซึ่งหมายถึงเม็ดเงินออกไม่ช้า เพื่อให้ช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ทันการณ์ รวมทั้งการที่ช่วย SMEs ให้เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ก็จะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจได้มากขึ้น

โดยมีกระบวนการขอรับเงินชดเชยที่ไม่ซับซ้อน สะดวกต่อการเบิกจ่าย และวงเงินชดเชยที่เพียงพอรองรับความเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 10-30% สำหรับ max claim โดย SMEs ทั่วไปมีความเสี่ยงที่ 20%) เพื่อช่วยสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อใหม่ของสถาบันการเงิน คาดว่ามาตรการนี้จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และเริ่มปล่อยสินเชื่อได้ในปีหน้า

แชร์
แบงก์ชาติ เคลียร์ชัดปัญหาบาทแข็งและดอกเบี้ยนโยบาย