Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
สหรัฐฯ ขาดดุลลดลง 2.2% เก็บภาษีนำเข้าพุ่ง 142% อานิสงส์ภาษีทรัมป์
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

สหรัฐฯ ขาดดุลลดลง 2.2% เก็บภาษีนำเข้าพุ่ง 142% อานิสงส์ภาษีทรัมป์

17 ต.ค. 68
16:06 น.
แชร์

ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อยในปีงบประมาณ 2568 หลังจากรายได้จากภาษีศุลกากรทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ช่วยชดเชยภาระจ่ายดอกเบี้ยจากหนี้สาธารณะที่พุ่งทะยาน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัฐบาลกลางสิ้นปีงบประมาณด้วยการขาดดุล 1.78 ล้านล้านดอลลาร์ ลดลงราว 41,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.2% จากปีก่อนหน้า

ปี 2568 ถือเป็นปีที่รัฐบาลต้องรับมือกับแรงกดดันจาก “สงครามการค้า” ที่รุนแรงและต้นทุนทางการเงินที่สูงเป็นพิเศษ แต่แม้จะมีความท้าทายดังกล่าว รัฐบาลสหรัฐฯ ก็สามารถลดขาดดุลได้เล็กน้อย ซึ่งนับเป็นพัฒนาการเชิงบวกในเชิงนโยบายการคลัง

โดยแม้ตัวเลขขาดดุลยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานทางประวัติศาสตร์ แต่รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายกว่านี้หากไม่ได้รับแรงหนุนจากรายได้ศุลกากรที่พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะดุลเกินดุลในเดือนกันยายนมูลค่า 198,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของเดือนนั้น และถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงยอดขาดดุลรวมของปีให้ลดลง

รายได้ภาษีศุลกากรพุ่ง 142% จากมาตรการของทรัมป์ ขณะที่ภาระดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดใหม่

รัฐบาลสหรัฐฯ รายงานว่า มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่บังคับใช้ในปีนี้ทำให้รายได้ภาษีศุลกากรประจำปีงบประมาณ 2668 ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นถึง 202,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 142% จากปี 2567 โดยเฉพาะเดือนกันยายนที่รัฐบาลเก็บภาษีศุลกากรได้มากถึง 30,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 295% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 

ภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) ที่ทรัมป์นำมาใช้เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า รายได้ที่เพิ่มขึ้นอาจแลกมาด้วยความเสี่ยงต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ หากราคาสินค้านำเข้าปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

กระทรวงการคลังประเมินว่า การลดลงของขาดดุลในปีนี้ทำให้อัตราส่วนขาดดุลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ราว 5.9% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขดังกล่าวลดลงต่ำกว่า 6% นับตั้งแต่ปี 2565และยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวซึ่งอยู่ราว 3% เว้นแต่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

รัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า การที่อัตราส่วนขาดดุลต่อ GDP ลดลงตามการคาดการณ์ของสำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) แสดงให้เห็นว่า “เรากำลังอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องในการลดภาระหนี้และขาดดุลของประเทศ”

อย่างไรก็ตาม แม้รายได้ภาษีจะเพิ่มขึ้น แต่ภาระจ่ายดอกเบี้ยของรัฐบาลก็แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดยรัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2568 เพิ่มขึ้นเกือบ 100,000 ล้านดอลลาร์จากปี 2567 ทั้งนี้ ดอกเบี้ยดังกล่าวมาจากหนี้สาธารณะมูลค่ากว่า 38 ล้านล้านดอลลาร์

เมื่อหักดอกเบี้ยที่กระทรวงการคลังได้รับจากการลงทุนออกแล้ว “ดอกเบี้ยสุทธิ” ที่รัฐบาลจ่ายจริงจะอยู่ที่ 970,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่างบประมาณกลาโหม 57,000 ล้านดอลลาร์ และเป็นงบรายจ่ายใหญ่เป็นอันดับสี่ รองจากสวัสดิการสังคม (Social Security) เมดิแคร์ และงบสาธารณสุข

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ

ตั้งแต่ถูกประกาศออกมาในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ ซึ่งมุ่งจำกัดการนำเข้าสินค้าถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากภาคธุรกิจและนักเศรษฐศาสตร์ว่ามีแนวโน้มจะผลักดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้นและบั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวในระยะกลาง

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าผลกระทบด้านราคายังอยู่ในระดับจำกัด สินค้านำเข้าบางรายการมีการปรับขึ้นราคา แต่ยังไม่ถึงขั้นกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อโดยรวม เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ระบุว่า หากแรงกดดันด้านราคายังอยู่ในระดับชั่วคราว ธนาคารกลางมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก เพื่อประคับประคองการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระหว่างธนาคาร (Fed funds rate) อยู่ในช่วง 4.00% ถึง 4.25%

ปีงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ สิ้นสุดในเดือนกันยายน โดยตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 5.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่มีรายจ่ายมากกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนความท้าทายด้านการคลังที่ยังคงอยู่ แม้รายได้จะเพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากรอย่างมีนัยสำคัญก็ตาม


แชร์
สหรัฐฯ ขาดดุลลดลง 2.2% เก็บภาษีนำเข้าพุ่ง 142% อานิสงส์ภาษีทรัมป์