Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
หนี้เสียQ1/68พุ่งแตะ1.19ล้านล้านบาทแม้หนี้ครัวเรือนลด'BNPL'เพิ่มเสี่ยง
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

หนี้เสียQ1/68พุ่งแตะ1.19ล้านล้านบาทแม้หนี้ครัวเรือนลด'BNPL'เพิ่มเสี่ยง

25 ส.ค. 68
17:08 น.
แชร์

วันที่ 25 สิงหาคม 2568 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงรายงาน “ภาวะสังคมไทยไตรมาสที่ 2 ปี 2568” โดยเปิดเผยว่า หนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาส 1 ปีนี้มีมูลค่ารวม 16.35 ล้านล้านบาท ลดลง 0.1% จากที่ขยายตัว 0.2% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบหลายไตรมาส ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีปรับลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 87.4% จาก 88.4% ในไตรมาส 4 ปี 2567

แม้ตัวเลขหนี้รวมจะปรับลดลงเล็กน้อย แต่ปัญหาความเปราะบางทางการเงินของครัวเรือนยังคงเด่นชัด โดยเฉพาะในด้านคุณภาพหนี้ ข้อมูลจากเครดิตบูโรชี้ว่า สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ต่อสินเชื่อรวม แม้จะลดลงเล็กน้อยจาก 8.94% เหลือ 8.78% แต่เป็นผลจากการชะลอการปล่อยสินเชื่อ มิใช่เพราะลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้จริง อีกทั้งมูลค่าหนี้เสียกลับเพิ่มขึ้นแรง แตะระดับ 1.19 ล้านล้านบาท ขยายตัวถึง 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในขณะเดียวกัน หนี้ที่ค้างชำระระยะสั้น 1-3 เดือน (SMLs) ก็ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยคิดเป็น 4.25% ของสินเชื่อรวม จาก 4.17% ในไตรมาสก่อนหน้า กลุ่มสินเชื่อที่ถูกจับตาเป็นพิเศษ ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันด้านภาระหนี้ของครัวเรือนที่ยังไม่คลี่คลาย และอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของครัวเรือนในระยะถัดไป

สินเชื่อยานยนต์หดตัวแรง 6 ไตรมาสติด บัตรเครดิต-ธุรกิจถดถอย ที่อยู่อาศัยโตชะลอ

วันที่ 25 สิงหาคม 2568 รายงาน “ภาวะสังคมไทยไตรมาสที่ 2 ปี 2568” ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า การก่อหนี้ของครัวเรือนไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบาง โดยหากพิจารณาตามแหล่งเจ้าหนี้ ธนาคารพาณิชย์ยังเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด ครองสัดส่วนกว่า 37.6% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด แต่สินเชื่อที่ปล่อยออกมากลับลดลงต่อเนื่อง 3% ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 ขณะที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อันดับสอง ยังคงสามารถขยายสินเชื่อได้เล็กน้อยที่ 1.8%

ในด้านวัตถุประสงค์การก่อหนี้ ครัวเรือนส่วนใหญ่ยังคงชะลอการกู้เพิ่ม โดยสินเชื่อยานยนต์หดตัวแรงถึง 10% ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 6 เนื่องจากยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ลดลง ขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็เข้มงวดขึ้นจากปัญหาการผิดนัดชำระที่เพิ่มขึ้น สินเชื่อบัตรเครดิตปรับลดลง 2.8% และสินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจก็หดตัว 0.4% ตอกย้ำแรงกดดันทั้งด้านกำลังซื้อและความสามารถในการลงทุนของครัวเรือนและธุรกิจรายย่อย

อย่างไรก็ตาม ยังมีสินเชื่อบางประเภทที่ขยายตัวต่อเนื่อง ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ แต่การเติบโตเริ่มชะลอ โดยเหลือเพียง 3.8% และ 0.5% จาก 4.3% และ 1.4% ในไตรมาสก่อนหน้า ส่วนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวเพียง 1.9% จาก 2.2% ในไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนว่าความต้องการซื้อบ้านอ่อนแรงลงตามภาวะเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ แนวโน้มในไตรมาสถัดไปอาจเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวจากมาตรการภาครัฐ เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือเพียง 0.01% รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์ Loan-to-Value (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และสร้างแรงซื้อกลับมาได้บางส่วน

เงินกู้นอกระบบออนไลน์-BNPL ช่องโหว่ใหม่เสี่ยงซ้ำเติมหนี้ครัวเรือน

นอกจากตัวเลขหนี้ในระบบแล้ว สศช. ยังเตือนถึงความเสี่ยงจากเงินกู้นอกระบบออนไลน์ที่กำลังขยายตัวรวดเร็ว สาเหตุหลักมาจากลูกหนี้จำนวนมากถูกปฏิเสธการกู้ในระบบ หรือมีหนี้เต็มวงเงินแล้ว จึงหันไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบที่เข้าถึงง่ายผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและแอปกู้เงินผิดกฎหมาย แม้จะได้รับเงินไว แต่ผู้กู้เสี่ยงถูกเอารัดเอาเปรียบด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และยังมีความเสี่ยงถูกทวงหนี้ด้วยวิธีที่ผิดกฎหมาย เช่น การข่มขู่ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือการนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ

อีกประเด็นหนึ่งคือการขยายตัวของบริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” (BNPL) ซึ่งได้รับความนิยมบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น SPayLater ของ Shopee และ LazPayLater ของ Lazada แม้จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้ผู้บริโภค แต่ระบบการปล่อยสินเชื่อไม่ได้อ้างอิงจากรายได้จริงหรือภาระหนี้ที่มีอยู่ หากแต่พิจารณาจากพฤติกรรมการซื้อสินค้า ส่งผลให้ลูกค้าบางรายได้รับวงเงินสูงถึงหลักแสนบาท ซึ่งเกินกว่าระดับรายได้ของตนเอง อีกทั้งยังสามารถนำวงเงินไปใช้ซื้อสินค้าและบริการนอกแพลตฟอร์มได้โดยไม่มีเงื่อนไขควบคุมที่ชัดเจน

ลักษณะดังกล่าวถูกมองว่าอาจขัดต่อหลักการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) และหากผู้กู้ขาดความรอบคอบในการวางแผนการเงิน อาจก่อหนี้เกินตัวโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยซ้ำเติมปัญหาหนี้ครัวเรือนในระยะยาว


แชร์
หนี้เสียQ1/68พุ่งแตะ1.19ล้านล้านบาทแม้หนี้ครัวเรือนลด'BNPL'เพิ่มเสี่ยง