ภาคอุตสาหกรรมไทยส่งสัญญาณซบเซา (ม.ค.-ก.ค. 68) แม้ภาพรวมสุทธิโรงงานเปิดใหม่และการจ้างงานยังเป็นบวก แต่แนวโน้มรายเดือนน่าห่วง ยอดปิดกิจการพุ่งสูงและการเลิกจ้างแซงหน้าการจ้างใหม่ในบางเดือน กระทบกำลังซื้อโดยตรง ชี้ชัดถึงความเปราะบางและการฟื้นตัวที่ไม่ทั่วถึงในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม
ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังส่งสัญญาณความเปราะบางอย่างชัดเจน ข้อมูลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม - กรกฎาคม) สะท้อนภาพการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่น่ากังวล โดยแม้ว่าภาพรวมจะยังมีการเปิดโรงงานใหม่มากกว่าปิดกิจการ แต่แนวโน้มรายเดือนกลับน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน ที่จำนวนโรงงานปิดกิจการสูงถึง 73 แห่ง เท่ากับจำนวนโรงงานที่เปิดใหม่พอดี ซึ่งเป็นจุดที่น่าจับตาที่สุด และเป็นการตอกย้ำว่าภาคอุตสาหกรรมกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ท่ามกลางความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกและนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่จะกระทบต่อภาคการส่งออกในอนาคต
ภาพรวม 7 เดือนแรก (ม.ค. - ก.ค. 2568): ตัวเลขสุทธิที่ซ่อนความน่ากังวล
เมื่อพิจารณาข้อมูลสะสมตลอด 7 เดือน จะเห็นภาพรวมดังนี้:
แม้ตัวเลขสุทธิจะยังเป็นบวก แต่แนวโน้มรายเดือนแสดงให้เห็นถึง "ภาวะเลือดไหล" โดยเฉพาะการจ้างงานที่ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน มีจำนวนคนงานที่ถูกเลิกจ้างสูงกว่าจำนวนคนงานที่ได้รับการจ้างในโรงงานเปิดใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อของภาคครัวเรือน
เจาะลึกรายอุตสาหกรรม: เห็นชัด "ดาวรุ่ง" และ "ดาวร่วง"
ข้อมูลยังชี้ให้เห็นถึงการปรับตัวของโครงสร้างอุตสาหกรรมไทย โดยมีกลุ่มที่ยังสามารถดึงดูดการลงทุนและกลุ่มที่กำลังเผชิญภาวะถดถอยอย่างชัดเจน
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังเติบโต (ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่และขยายกิจการ):
กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่ากังวล (มีการเลิกกิจการสูงสุด):
ข้อมูลชุดนี้เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังอยู่ในภาวะเปราะบาง การฟื้นตัวไม่ทั่วถึง และกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ผู้ประกอบการในกลุ่มเสี่ยงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน ขณะที่ภาครัฐต้องมีมาตรการที่ตรงจุดเพื่อช่วยเหลือกลุ่มที่กำลังประสบปัญหา ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ เพื่อพยุงการจ้างงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะต่อไป