หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้จัดการประชุมฉุกเฉินขึ้น โดยมีตัวแทนจากรัฐบาลท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ รวมถึงสถาบันการเงิน เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย โดยประเด็นการประชุมครั้งนี้คือความพยายามผลักดันให้เศรษฐกิจจีนกลับเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้งหลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในการประชุมครั้งนี้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนหลายๆ ตัวตกลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะตัวเลขภาคการผลิตของจีนในเดือนเมษายนที่ผ่านมาอยู่ที่ -2.9% แย่กว่านักวิเคราะห์คาดไว้ด้วยซ้ำ
เขายังมองว่าเศรษฐกิจจีนบางแง่มุมถือว่าย่ำแย่กว่าในปี 2020 ที่มีการแพร่ระบาดของโควิดครั้งแรกเสียด้วยซ้ำ และเขายังชี้ว่าจีนอาจพลาดเป้า GDP ที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากต้องใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด
ผลจากการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีน ส่งผลต่อกิจกรรมเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ที่มีการล็อกดาวน์ เช่น เซี่ยงไฮ้ ที่มีสัดส่วนต่อ GDP จีนมากถึง 3.8% นายกรัฐมนตรีจีนได้กล่าวว่ารัฐบาลจีนได้มีมาตรการที่จะลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจจีน แต่เขาไม่ได้กล่าวรายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ประเด็นสำคัญอีกเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจีนได้เน้นย้ำคือเรื่องของตลาดแรงงาน หลังจากที่ตัวเลขอัตราว่างงานของจีนล่าสุดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จีนมีอัตราว่างงานสูงมากถึง 6.1% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 เป็นต้นมา โดยเป้าหมายของรัฐบาลจีนในปี 2022 คือทำให้อัตราการว่างงานลดลงต่ำกว่า 5.5%
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้เสนอมาตรการ 33 ข้อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการสนับสนุน SME ที่จ้างงานนักศึกษาจบใหม่ การให้เอกชนสามารถขอคืนภาษีเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้ สนับสนุนให้การขนส่งสินค้าทำได้สะดวกมากขึ้น ลดภาษีในการซื้อรถยนต์ เป็นต้น
อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์ต่างมองว่าผลกระทบของการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างมาก โดย UBS ปรับลดคาดการณ์ GDP ของจีนในปีนี้ลงมาเหลือ 3% จากเดิมที่ 4.2% ขณะที่ JPMorgan มองว่า GDP ของจีนปีนี้จะเติบโตเหลือเพียงแค่ 3.7% จากเดิมที่คาดไว้ 4.3%
ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์ของ Bloomberg มองว่าเศรษฐกิจจีนปีนี้จะเติบโตได้ 4.5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ 5.5%