ธุรกิจการตลาด

‘Ernie’ เอไอจากจีน ฉลาดกว่า ChatGPT ผลทดสอบดีกว่าหลายด้าน

28 มิ.ย. 66
‘Ernie’ เอไอจากจีน ฉลาดกว่า ChatGPT ผลทดสอบดีกว่าหลายด้าน

ฝั่งสหรัฐมี ‘ChatGPT’ (แชทจีพีที) ชูโรง ฝั่งจีนก็กำลังปั้น ‘Ernie’ (ชื่อจีนคือ 文心一言 : เหวินซิน อี้เหยียน ) เข้ามาสู้ในศึก AI ที่กำลังแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ล่าสุด Baidu บริษัทแม่ออกมาเผยผลการทดสอบว่า Ernie เก่งกว่า ChatGPT ในหลายด้านแล้ว
 

แชทจีพีที Ernie 



Ernie เบียดชนะ ChatGPT (แชทจีพีที) เก่งขึ้นกว่ารุ่นก่อน 50%

  

Baidu เผยว่า ‘Ernie 3.5’ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large language model - LLM) เบื้องหลังแชทบอท Ernie Bot สามารถทำคะแนนการทดสอบได้สูงกว่า ChatGPT 3.5 และยังสามารถเอาชนะ LLM รุ่นล่าสุดอย่าง GPT 4 ในการทดสอบที่เป็นภาษาจีนอีกด้วย

Haifeng Wang ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายเทคโนโลยีของ Baidu เผยว่า “ด้วยระยะเวลาเพียง 3 เดือนหลัง Ernie bot ที่สร้างขึ้นบน Ernie 3.0 เปิดให้ทดลองใช้นั้น Ernie 3.5 ก็ถูกยกระดับทั้งในด้านประสิทธิภาพ ฟังก์ชันการใช้งาน และการทำงาน”

นาย Wang ยังเผยว่า หลังการอัพเกรด Ernie นั้น ทำให้การทำงานในด้าน งานเขียนเชิงสร้างสรรค์, การถาม-ตอบ, การให้เหตุผล และการเขียนโค้ดนั้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย โดย\ Ernie Bot ยังสามารถเพิ่มฟีเจอร์การทำงานผ่าน ‘Plug-in’ ได้ด้วย อย่างเช่น plug-in ‘Baidu Search’ เป็นหนึ่งในบริการหลักของ Baidu ก็จะเข้ามาช่วยเสริมให้ Ernie bot สามารถแสดงผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ ที่แม่นยำได้ และในอนาคตจะมีทั้ง Plug-in จาก Baidu เอง และจากค่ายอื่นๆ เข้ามาเสริมทัพ

 

Ernie Bot
 

ด้านซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Robin Li เปิดเผยในงานประชุมก่อนหน้านี้ว่า เทียบกับ Ernie 3.0 รุ่นทดลองที่ปล่อยให้ประชาชนทั่วไปได้ลองใช้งานตั้งแต่เดือนมี.ค. ที่ผ่านมา Ernie bot รุ่นใหม่นี้จะมีประสิทภาพการทำงานสูงขึ้นจากตัวก่อนกว่า 50% โดยประสิทธิภาพด้านการเทรนเอไอเพิ่มขึ้น 2 เท่า และประสิทธิภาพในการคาดเดาผลลัพธ์จากข้อมูลนั้น เพิ่มขึ้นถึง 17 เท่า ซึ่งจะทำให้ลูกค้าองค์กรจะนำเอไอ Ernie ตัวนี้ไปใช้งานจริง เทรน Ernie ได้เร็วขึ้น และอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้รวดเร็วขึ้นในอนาคต

โดยนาย Li ยังได้เน้นย้ำว่า การอัพเกรดสู่ Ernie 3.5 ในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการอัพเกรดแค่ฝั่งความฉลาดของเอไอ แต่ยังเป็นการยกระดับด้านความปลอดภัยให้เพิ่มขึ้นด้วย เพราะความปลอดภัยด้านเนื้อหา เป็นสิ่งที่รัฐบาลปักกิ่งกำลังจับตามองอยู่ ณ ขณะนี้

 

ChatGPT

 

ศึก AI สหรัฐ - จีน แข่งขันดุเดือด

 

แม้ในระดับโลกตอนนี้ AI จากฝั่งสหรัฐ อาทิ ChatGPT จาก OpenAI, Bard AI จาก Google หรือ Copilot จาก Microsoft จะเป็นที่รู้จักแพร่หลายกว่า แต่แวดวงบิ๊กเทคของฝั่งจีนนั้นก็ได้เร่งเครื่องปั้นแชทบอท Generative AI มาตีตลาดเช่นกัน โดยรัฐบาลจีนเอง ก็ให้การสนับสนุนภาคเทคโนโลยีโดยเฉพาะด้าน AI และเชื่อในศักยภาพการเติบโตของเทคโนโลยีดังกล่าว

Wang Xiaochuan ผู้ก่อตั้ง Sogou เซิร์จเอ็นจิ้นในเครือ Tencent และบริษัทสตาร์ทอัพ Baichuan ที่ทำธุรกิจด้าน AI มองว่าอุตสาหกรรม AI ของจีนนั้น ยังล้าหลังกว่าสหรัฐอย่างน้อย 3 ปี แต่นาย Wang เชื่อว่า จีนจะตามได้ทันในอนาคต

ก่อนหน้านี้ ในยุคเริ่มต้นสงครามแอปพลิเคชั่น การที่จีนปิดกั้นเทคโนโลยีจากภายนอก เช่น Facebook, WhatsApp หรือ YouTube ทำให้บริษัทเจ้าถิ่นอย่าง Tencent, Alibaba, and ByteDance เติบโต และครองตลาดประเทศจีน ซึ่งมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน ความได้เปรียบดังกล่าวอาจดำเนินต่อไปในยุคสงคราม AI

 

AI Chatbot

 

นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาด AI ทั่วโลกอาจมีมูลค่าแตะ 8 แสนล้านดอลลาร์ (28.5 ล้านล้านบาท) ในทศวรรษถัดไป โอกาสอันน่าสนใจนี้ อาจเป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจจีนพลิกจากบาดแผลการคุมเข้มเศรษฐกิจในช่วงโควิดที่ผ่านมา และเป็นโอกาสทองในรอบหลายสิบปีที่นักลงทุนจะพากันทุ่มเงินลงมาให้กับอุตสาหกรรมนี้

แต่อุปสรรคที่บริษัทในแวดวงเทคโนโลยีของจีนกำลังเผชิญอยู่นั้น มีทั้งอุปสรรคจากการกำกับดูแล ข้อกำหนดด้านจริยธรรมและการควบคุมเนื้อหาที่ยังไม่ชัดจากทั้งฝั่งรัฐและผู้ผลิต รวมถึงการกีดกันการส่งออกชิปเช็ตประสิทธิภาพสูงจาก Nvidia และ AMD ซึ่งมีสำคัญต่อการเทรนโมเดล AI โดยรัฐบาลไบเดน

 

ด้านซีอีโอของ Baidu ได้กล่าวว่า พลังการประมวลผลอย่างเดียวไม่ได้การันตีถึงผลสำเร็จ และนวัตกรรมไม่ได้เกิดจากการซื้อมาเท่านั้น แม้จะเจอกับอุปสรรคระหว่างทาง แต่ก็จีนก็ควรเร่งลงทุนระยะยาว เพื่อคว้าโอกาสการเติบโตของเทคโนโลยี AI

 

 

ที่มา : South China Morning Post, Baidu, Bloomberg

advertisement

SPOTLIGHT