ธุรกิจการตลาด

เปิดข้อเสนอ “ว่าที่รัฐบาลใหม่” SHARGE เสนอ 4 ข้อ ปลดล็อคธุรกิจ EV

25 พ.ค. 66
เปิดข้อเสนอ “ว่าที่รัฐบาลใหม่” SHARGE เสนอ 4 ข้อ ปลดล็อคธุรกิจ EV

ทุกสายตาจับจ้องไปที่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะสำเร็จหรือไม่ ภายหลังเริ่มมีกระแสความร้อนแรง ศึกชิงเก้าอี้ประธานรัฐสภา ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ขณะที่ภาคเอกชนเองในหลายๆ อุตสาหกรรมคงต้องการความชัดเจนเรื่องทิศทางของรัฐบาล นโยบายเศรษฐกิจในด้านต่างๆ  รวมถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม พลังงาน 

โดยใน MOU จัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคการเมืองที่ประกาศออกมาล่าสุด ก็มุ่งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero Emission) และที่ผ่านมาหลายพรรคการเมืองได้ชูวิสัยทัศน์เรื่องยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และนโยบายสนับสนุนการใช้ EV ผลักดันการเปลี่ยนรถขนส่งสาธารณะเป็นรถเมล์ไฟฟ้า (EV Bus) 

วันนี้ SPOTLIGHT จะพามาดูข้อเสนอของบริษัทที่ให้บริการด้าน EV Charging Solution อย่างบริษัท SHARGE ที่เป็นผู้นำอันดับต้นๆ ของไทยที่ให้บริการ EV Charging Solution แบบครบวงจรทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ เติบโตมาจากการเป็นสตาร์ทอัพ

โดยนายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) กล่าวว่า นโยบาย 30@30 ระยะแรกของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ที่ช่วยกระตุ้นให้คนไทยหันมาใช้รถ EV เกิดกระแสการตื่นรู้ด้านความยั่งยืนทางพลังงาน จนสร้างปรากฏการณ์ต่อคิวซื้อข้ามคืนและมียอดจองพุ่งหลายพันคันภายในวันเดียว

“เราปลุกกระแสการใช้รถ EV ส่วนบุคคลในประเทศไทยให้เกิดขึ้นได้แล้ว ก้าวต่อไป คือ การเติมกระสุนนโยบายหล่อเลี้ยงโมเมนตัมอย่างต่อเนื่อง ภาครัฐจำเป็นต้องปลดล็อกเงื่อนไขเพื่อขยายโอกาสให้คนไทยทุกคนได้ใช้ EV อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งปรับนโยบายด้าน EV ให้เอื้อประโยชน์ต่อชีวิตคนไทย ครบทั้ง 3 ด้าน คือ อากาศดี มีรายได้ ค่าใช้จ่ายลด

894779

การจะเดินหน้าสร้างโมเมนตัมต่อไปได้ หน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) ที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศ EV หรือ EV Ecosystem อาจต้องกลับมาทบทวนกฎระเบียบและการสนับสนุนในปัจจุบันให้เอื้อกับผู้ประกอบการ เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้ EV ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยแนวทาง ดังนี้ 

  1. การปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน พิจารณากฎหมายที่อาจจะปิดกั้น EV เข้าสู่ตลาด เช่น ข้อกำหนดเรื่องรถแท็กซี่ต้องมีเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรขึ้นไป ขณะที่รถ EV ในปัจจุบันไม่มีเครื่องยนต์ ทำให้ไม่สามารถนำรถ EV มาเป็นแท็กซี่ได้ 
  2. การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน (EV Infrastructure) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้ EV และทำให้คนทุกกลุ่มเข้าถึง EV ได้ง่าย 
  3. การกระตุ้นให้เกิดผู้ใช้ EV ใหม่ อาจต้องพิจารณาสนับสนุนด้านภาษีหรือสิทธิประโยชน์ (Incentive) แก่ผู้ประกอบการ เช่น ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ที่นำรถ EV มาใช้เป็นครั้งแรก หรือมีอัตราค่าไฟฟ้าพิเศษ 
  4. การสร้างประโยชน์ต่อประเทศ พิจารณาประโยชน์จากการใช้ EV อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ การแข่งขันด้านต้นทุนการผลิต เป็นต้น

“ การสนับสนุนกลุ่ม Commercial Fleets ทั้งในระบบขนส่งสาธารณะหรือโลจิสติกส์ จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ EV เข้าถึงคนไทยทุกกลุ่มได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่ปัจจุบัน Commercial Fleets เป็นกลุ่มที่ยังมีสัดส่วนการใช้ EV น้อย ด้วยข้อจำกัดทั้งด้านกฎหมายและด้านการลงทุนในระยะแรกเริ่ม ”

263975

พีระภัทร เสนอว่า หากจะกระตุ้นให้เกิดการใช้ EV ในประเทศ “ว่าที่รัฐบาลใหม่” จะต้องออกนโยบายช่วยเอื้อให้เกิด “อากาศดี มีรายได้ ค่าใช้จ่ายลด” 

โดยสนับสนุนการลงทุนที่จูงใจให้ผู้ประกอบการใหม่อยากลงทุน และผู้ประกอบการเดิมหันมาใช้ EV จึงเสนอแนวทางนโยบาย 4 ข้อ ได้แก่

  1. เปลี่ยนเงื่อนไขภาษีผู้ผลิต EV โดยเสนอให้ทยอยปลดล็อกเงื่อนไขยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตชิ้นส่วนและอะไหล่ให้กับบริษัทที่ผลิตรถ EV ภายในประเทศไทย เพิ่มจำนวนผู้ผลิตรถ EV ในตลาดให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการผูกขาด กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิตในประเทศ ทั้งด้านการผลิต คุณภาพมาตรฐาน และราคายานยนต์
  2. ปั้นบุคลากรด้าน EV ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในประเทศให้มีความเชี่ยวชาญด้าน EV ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตรถ EV ไปจนถึงการซ่อมบำรุง เพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา EV ง่ายต่อการเข้าถึงช่างผู้เชี่ยวชาญ ลดระยะเวลารอซ่อม แก้ไขเหตุขัดข้องได้ทันที พร้อมทั้งสร้างอาชีพ ช่วยให้กลุ่มช่างยนต์เดิม มีความรู้ความสามารถที่ทันสมัย มีรายได้ต่อเนื่องในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ EV
  3. เปิดทางนโยบายลดต้นทุน กระตุ้นการเปลี่ยนผ่าน การลงทุนแรกเริ่มที่สูงทั้งค่ายานยนต์และอุปกรณ์ ทำให้ผู้ประกอบการ Commercial Fleets ยังไม่ตัดสินใจนำ EV เข้ามาใช้ในธุรกิจ การเปิดโอกาสให้ตลาดมีการแข่งขันหลายราย ผู้ให้บริการที่มีใบอนุญาตจะสามารถเข้าถึงรถบรรทุก-รถโดยสาร EV และ EV Infrastructure ที่มีประสิทธิภาพในต้นทุนที่เหมาะสมได้ อาทิ อุปกรณ์ชาร์จ EV หรือ EV Charger ที่มีกำลังไฟฟ้าสูงในราคาที่ถูกลง ดึงดูดให้ผู้ประกอบการเห็นโอกาสในการเข้ามาลงทุนและพัฒนาเครือข่ายขนส่งสาธารณะ EV กันมากขึ้น
  4. ปลดล็อกค่าไฟ EV ค่าพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นอีกความท้าทายของการขยาย EV สู่บริการขนส่งสาธารณะและโลจิสติกส์ ภาครัฐจึงควรปลดล็อกเงื่อนไขโครงการค่าไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ Low Priority อัตราพิเศษหน่วยละ 2.63 บาท ที่จำกัดเฉพาะสถานีชาร์จ EV สาธารณะ ให้ขยายไปยังผู้ประกอบการ Commercial Fleets เช่น เพิ่มคุณสมบัติให้อู่แท็กซี่ EV ที่มีหัวชาร์จ EV จำนวน 10 จุดขึ้นไป สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งจะช่วยให้คนขับแท็กซี่มีรายได้เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายลดลงไปพร้อมกัน เนื่องจากต้นทุนพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 1 บาทต่อกิโลเมตร ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 2 บาทต่อกิโลเมตร หรือค่าใช้จ่ายลดลงกว่าครึ่ง การปลดล็อกส่วนนี้จะจูงใจให้แท็กซี่ไทยหรือผู้ให้บริการรถโดยสาร ผู้ให้บริการ Last Mile Transportation เปลี่ยนผ่านสู่ EV

ถ้าประเทศไทยสามารถผลักดันแนวคิด “อากาศดี มีรายได้ ค่าใช้จ่ายลด”ให้เกิดขึ้นจริงได้ จะช่วยยกระดับ EV Ecosystem พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ ดึงดูดนานาชาติเข้าร่วมตั้งฐานการผลิตและยกระดับคุณภาพการผลิตรถ EV ในไทย ส่งผลดีต่อทั้งผู้ประกอบการ พนักงานขับรถ และผู้โดยสาร เราจะเห็นรถเมล์ รถแท็กซี่ และมอเตอร์ไซค์รับจ้างแบบ EV จำนวนมากขึ้น ลดภาระต้นทุนค่าพลังงานและเพิ่มรายได้ให้กับคนขับแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ในธุรกิจและวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับ Ecosystem ลดค่าครองชีพให้คนไทยสามารถใช้บริการรถ EV สาธารณะในราคาไม่แพง และช่วยสร้างคุณภาพอากาศที่ดีให้กับคนไทยทุกคน 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT