ธุรกิจการตลาด

MAKRO ตั้งเป้าธุรกิจเติบโตดีกว่า GDP ปี 66 ลงทุนกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท

29 มี.ค. 66
MAKRO ตั้งเป้าธุรกิจเติบโตดีกว่า GDP ปี 66 ลงทุนกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท
ไฮไลท์ Highlight
  • คาดรายได้ปีนี้เติบโตสูงกว่า GDP ไทย
  • ปีนี้ตั้งงบลงทุน 2.53-2.75 หมื่นล้านบาท
  • แผนเปิดสาขาแม็คโครในไทย 12 สาขา ตปท.4-6 สาขา
  • แผนเปิดสาขาสาขาโลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต 3-4 สาขา
  • แผนเปิดสาขาซูปเปอร์มาร์เก็ตในไทย+มาเลเซีย 10-14 สาขา
  • แผนเปิดสาขาโลตัส โกเฟรช (Lotus’s go fresh) 100-150 สาขา

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ดูจะสดใสมากขึ้น การท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด จากตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายหลังจากเปิดประเทศ

ททท. เปิดเผยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 4.2 ล้านคน สร้างรายได้มากกว่า 1.42 แสนล้านบาท โดยคาดว่าไตรมาส 1 ปี 2566 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยราว 6 ล้านคน และตลอดทั้งปีนี้ ไทยน่าจะมีลุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 30 ล้านคน 

เมื่อตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยมากขึ้น เศรษฐกิจ ธุรกิจต่างๆ เริ่มหมุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจกันไป โดยเฉพาะธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก รวมถึงธุรกิจโฮเรก้า (โรงแรม ร้านอาหาร จัดเลี้ยง) ที่ได้รับอานิสงค์นี้

เรามาดูธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกขนาดใหญ่กันว่า ในปีนี้มีแผนการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจอย่างไรบ้าง

บมจ. สยามแม็คโคร (บริษัทฯ หรือ MAKRO) เปิดแผนปี 2566 วางงบลงทุนธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกรวม 25,300-27,500 ล้านบาท รุกขยายสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ปรับปรุงสาขาเดิม พัฒนาศูนย์กระจายสินค้า และระบบไอที พัฒนาระบบดิจิทัล วางแผนปรับพื้นที่ศูนย์การค้าและชอปปิงมอลล์ในโลตัสเป็น “SMART Community Center” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สร้างประสบการณ์ใหม่ของการใช้ชีวิตของทุกคนในชุมชน และวางกลยุทธ์ O2O ผสานช่องทางขายออนไลน์ตอบสนองเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

“คาดตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2566 เติบโตสูงกว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อขั้นพื้นฐาน(Core Inflation) โดยสถานการณ์ 2 เดือนแรกของปีนี้ ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกมียอดขายสาขาเดิมเติบโตได้ดี” นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO กล่าว

สำหรับแผนปี 2566 ตั้งงบลงทุนธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกรวม 25,300-27,500 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้จะใช้ในธุรกิจค้าส่งแม็คโคร 13,100-14,100 ล้านบาท และธุรกิจค้าปลีกโลตัส 12,200-13,400 ล้านบาท เพื่อการขยายสาขา พัฒนาศูนย์กระจายสินค้า พัฒนาระบบดิจิทัล และขยายธุรกิจใหม่

โดยในปีนี้มีแผนขยายสาขา ทั้งในธุรกิจค้าส่งแม็คโครวางแผนเปิดสาขาใหม่ในประเทศไทย 12 สาขา และต่างประเทศ 4-6 สาขา เป็นประเทศที่แม็คโครขยายธุรกิจอยู่แล้ว ส่วนธุรกิจค้าปลีกโลตัส จะเปิดสาขาขนาดใหญ่แบบไฮเปอร์มาร์เก็ต
3-4 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ตในไทยและมาเลเซียรวม 10-14 สาขา และโลตัส โกเฟรช (Lotus’s go fresh) 100-150 สาขา

MAKRO ได้วางกลยุทธ์ O2O (Online to Offline) ผสานช่องทางขายออนไลน์และออฟไลน์แบบไร้รอยต่อตอบสนองเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า พร้อมนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อออกแบบแคมเปญให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มโอกาสขายสินค้าแก่เอสเอ็มอี 

โดย MAKRO ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน Makro PRO ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม “สั่ง-ขาย-คุ้ม อย่างโปรในแอปเดียว” ด้วยการผสานเทคโนโลยีกับเครือข่ายสาขาของแม็คโครที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อทำค้าปลีกแบบออมนิชาแนล (Omni-channel Retail) โดยลงทุนปรับพื้นที่ในสาขาที่มีศักยภาพกว่า 100 สาขา เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าขนาดย่อย รองรับการแพ็กสินค้าและจัดส่งแก่ลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการขยายสาขาใหม่ของแม็คโคร จะทำให้มีพื้นที่รองรับการแพ็กสินค้าและจัดส่ง

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากโลตัสได้เปิดสาขานอร์ธ ราชพฤกษ์ สาขาต้นแบบ “SMART Community Center” ได้วางแผนปรับและเพิ่มพื้นที่ศูนย์การค้าหรือชอปปิงมอลล์ในโลตัสสาขาอื่น ๆ ให้เป็น SMART Community Center เพื่อเป็นศูนย์รวมการใช้ชีวิตในทุก ๆ วันมุ่งเน้นเป็น “Inspiring Fresh & Food Destination” เป็นคอมมูนิตี้ที่เป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารและพื้นที่กิจกรรม เพื่อให้ลูกค้าใช้เวลาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เนื่องจากต้องการมาเลือกซื้อสินค้า พบปะผู้คนเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ดี  

ทั้งนี้ มีแผนว่าภายใน 3 ปีนับจากนี้จะปรับโฉมและเพิ่มพื้นที่ศูนย์การค้าในโลตัส 146 สาขา ควบคู่กับการพัฒนาโครงการใหม่ ที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 1,000 ตารางเมตร ถึงกว่า 10,000 ตารางเมตร ขึ้นกับทำเล กลุ่มเป้าหมายและกำลังซื้อ

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT