ฮ่องกงเริ่มกลับมาให้บริการเที่ยวบินและเปิดธุรกิจต่าง ๆ บริการขนส่งมวลชน และโรงเรียนบางแห่งอีกครั้งในวันนี้ (25 กันยายน) หลังถูกซุปเปอร์ไต้ฝุ่น “รากาซา” พัดถล่มตั้งแต่บ่ายวันอังคารที่ผ่านมา (23 กันยายน)
ก่อนหน้านั้น พายุลูกดังกล่าวพัดผ่านทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์และเกาะไต้หวัน สร้างความเสียหายอย่างหนัก โดยที่ไต้หวันมีรายงานผู้เสียชีวิต 14 ราย ก่อนที่จะพัดผ่านฮ่องกง และเคลื่อนตัวขึ้นชายฝั่งทางตอนใต้ของจีนที่เมืองหยางเจียงเมื่อวานนี้ ล่าสุด พายุได้อ่อนกำลังลงกลายเป็นพายุโซนร้อนแล้ว
มีรายงานผู้บาดเจ็บกว่า 100 คนที่ฮ่องกง ขณะที่ทางการต้องประกาศใช้มาตรการรับมือไต้ฝุ่นระดับ 10 เมื่อวานนี้ ขณะที่ในวันนี้ ลดระดับเหลือเพียง 3 แต่ยังคงปิดโรงเรียนบางแห่งอยู่
ขณะที่คลื่นขนาดใหญ่ได้ซัดเข้าหลายพื้นที่ชายฝั่งทางตะวันออกและตอนใต้ของฮ่องกงเมื่อวานนี้ ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมถนนหลายสายและอาคารบ้านเรือนของประชาชน
ขณะเดียวกัน ยังเกิดสตอร์มเซิร์จซัดเข้าโรงแรม Fullerton ส่งผลทำให้กระจกประตูแตกและน้ำได้ไหล่บ่าเข้าท่วมภายในล็อบบี อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ และทางโรงเรียนยังคงให้บริการตามปกติ
ด้านท่าอากาศยานฮ่องกงเปิดเผยว่า สายการบินหลายแห่งกลับมาทำการบินอีกครั้งตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยรันเวย์ทั้ง 3 แห่งเปิดให้บริการตามปกติ
ส่วนทางการยังระบุอีกว่า ขณะนี้กำลังเร่งซ่อมแซมถนนที่ได้รับความเสียหาย และพยายามจะทำความสะอาดเก็บกวาดซากต้นไม้ที่โค่นล้มมากกว่า 1,000 ต้น
หน่วยดับเพลิงไต้หวันรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ได้ปรับยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุไต้ฝุ่น “รากาซา” เหลือ 14 ราย จากที่เคยรายงานไว้ 17 รายเมื่อวันก่อน โดยระบุว่า มีการนับผู้เสียชีวิตซ้ำซ้อน
เหตุสลดเกิดขึ้นหลังไต้ฝุ่นรากาซาพัดถล่มและทำให้เกิดฝนตกหนักในเขตฮวาเหลียนทางตะวันออก ส่งผลให้ทะเลสาบกักเก็บน้ำบนภูเขาเอ่อล้น และทะลักลงมายังเมืองกวางฝู กลายเป็นกำแพงน้ำที่ถาโถมเข้าใส่ชุมชนขนาดเล็ก
หน่วยดับเพลิงยังระบุด้วยว่า ขณะนี้มีผู้สูญหาย 33 คน ลดลงจากตัวเลข 152 คนที่รายงานไว้เมื่อวันพุธ ขณะที่ทางการยังคงเร่งค้นหาผู้ที่ไม่สามารถติดต่อได้
แม้ว่าไต้หวันจะมีระบบรับมือภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมักช่วยหลีกเลี่ยงการสูญเสียจำนวนมากด้วยการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่เสี่ยงอย่างทันท่วงที แต่ชาวบ้านหลายคนในกวางฝูกลับระบุว่า พวกเขาไม่ได้รับการแจ้งเตือนที่เพียงพอเมื่อทะเลสาบกักเก็บน้ำเอ่อล้น
ด้านนายกรัฐมนตรี โจ จุงไถ ได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนหาสาเหตุว่า เหตุใดคำสั่งอพยพจึงล้มเหลวในการป้องกันโศกนาฏกรรมครั้งนี้