วิกฤตโลกรวน! มาร่วมกันหาทางรอดในโซน BETTER LIVING ที่งาน SX2025

ภัยธรรมชาติไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ร่วมหาทางรอดในวิกฤตโลกรวน ในโซน BETTER LIVING ที่งาน Sustainability Expo 2025 (SX2025)

มนุษย์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับรถ ใช้ไฟฟ้า หรืออุตสาหกรรมต่างๆ สิ่งนี้ทำให้เกิด Greenhouse effect หรือภาวะเรือนกระจกที่ส่งผลให้โลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ภาวะเรือนกระจกทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำทะเลสูงขึ้น เกิดสภาพอากาศสุดขั้ว ทั้งฝน ความร้อน อากาศหนาว พายุ จนทำให้โลกประสบภัยพิบัติตามมา เช่น ไฟป่า แผ่นดินไหว น้ำท่วม คลื่นความร้อน ดินถล่ม ภัยแล้ง โดย 5 อันดับทวีปที่ประสบภัยพิบัติมากที่สุด คือ

1.ทวีปเอเชีย 41%

2.ทวีปอเมริกา 25%

3.ทวีปยุโรป 15%

4.ทวีปแอฟริกา 15%

5.ทวีปโอเชียเนีย 4%

จากการรวบรวมข้อมูลในรอบ 20 ปี นับตั้งแต่ปี 2003-2023 โลกต้องประสบภัยพิบัติเฉลี่ยปีละ 384 เหตุการณ์ จำนวนผู้ได้รับผลกระทบเฉลี่ยปีละ 134.3 ล้านคน จำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 75,310 คน ความเสียหายทางเศรษฐกิจเฉลี่ยปีละ 7.18 ล้านล้านบาท

ปัจจุบันปัญหาน้ำท่วมและอุณหภูมิที่ร้อนระอุเนื่องจากภาวะโลกรวน กำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ กรมการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ระบุว่าสาเหตุการเกิดคลื่นความร้อนเกิดจาก 1.ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ 2.ฤดูร้อนเริ่มเร็วขึ้นและยาวนานขึ้น 3.การพัดพาคลื่นความร้อนจากพื้นที่อื่น 4.การสะสมความร้อนในพื้นที่ ไม่มีลมพัด อากาศแห้ง ไอร้อนสะสม 5.การกักเก็บความร้อนในเขตเมืองและอาคาร ขณะเดียวกัน WorldAtlas ได้เผยข้อมูล 5 ประเทศที่ร้อนที่สุดในโลก (อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี) ได้แก่

1.บูร์กินาฟาโซ 29.96 องศาเซลเซียส

2.มาลี 29.72 องศาเซลเซียส

3.เซเนกัล 29.69 องศาเซลเซียส

4.มอริเตเนีย 29.37 องศาเซลเซียส

5.แกมเบีย 29.16 องศาเซลเซียส

ส่วนประเทศไทย ร้อนที่สุดอันดับ 29 ของโลก อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 27.51 องศาเซลเซียส ขณะที่เดธวัลเลย์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ทำลายสถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในโลก 56.07 องศาเซลเซียส (ข้อมูลจาก World Weather and Climate Extremes Archive)

สำหรับปัญหาน้ำท่วม มีข้อมูลระบุว่า 5 เมือง เสี่ยงจมน้ำเร็วที่สุดในโลก ภายในปี 2030 ได้แก่

1.จาการ์ตา อินโดนีเซีย คาดการณ์มูลค่าความเสียหาย 2.3 ล้านล้านบาท

2.มะนิลา ฟิลิปปินส์ คาดการณ์มูลค่าความเสียหาย 1.3 ล้านล้านบาท

3.โฮจิมินห์ซิตี้ เวียดนาม คาดการณ์มูลค่าความเสียหาย 18 ล้านล้านบาท

4.นิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา คาดการณ์มูลค่าความเสียหาย 3.6 ล้านล้านบาท

5.กรุงเทพฯ ประเทศไทย คาดการณ์มูลค่าความเสียหาย 17.4 ล้านล้านบาท

สำหรับ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทยอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1.5 เมตรเท่านั้น และมีอัตราการทรุดตัวของพื้นดิน ปีละ 30 มิลลิเมตร

ดังนั้น จะเห็นว่าภัยธรรมชาติที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงและถี่ขึ้น ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่คือความท้าทายที่ทุกคนต้อง “ตื่นรู้และปรับตัว” เพื่อเรียนรู้วิธีการรับมือและวางแผนการปรับตัว โดยทุกคนสามารถมาเรียนรู้และหาทางรอดร่วมกันได้ภายในงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่โซน BETTER LIVING ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

สัมผัสประสบการณ์ 3 มิติแห่งการเรียนรู้

พื้นที่ที่ 1: เผชิญหน้ากับความจริงของโลกรวน

ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์ 4D Immersive Experience ที่จะพาคุณสัมผัส "ภัยพิบัติเสมือนจริง" อย่างใกล้ชิด เข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับภัยธรรมชาติที่กำลังคุกคามโลกของเรา ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก

พื้นที่ที่ 2: Survive Extreme Weather - ศิลปะแห่งการอยู่รอด

เรียนรู้เทคนิคการเอาตัวรอดในสภาพอากาศสุดขั้วผ่านกิจกรรม Interactive ที่ท้าทายและสนุกสนาน พร้อมฝึกฝนทักษะการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์จริงจากภัยธรรมชาติอย่างมั่นใจ

พื้นที่ที่ 3: Adaptation to Climate Change - อนาคตแห่งการปรับตัว

ค้นพบแนวทางการปรับตัวและเตรียมความพร้อมระยะยาว ตั้งแต่การออกแบบบ้านที่พร้อมรับมือภัยพิบัติ ไปจนถึงการใช้ Nature-based Solutions หรือวิธีแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน

มาร่วมหาทางรอดในวิกฤตโลกรวน ที่งาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) โซน BETTER LIVING ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน- วันที่ 5 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)