Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เศรษฐีเอเชียไม่วางแผนสืบทอดกิจการ เสี่ยงพังทั้งครอบครัวและธุรกิจ
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เศรษฐีเอเชียไม่วางแผนสืบทอดกิจการ เสี่ยงพังทั้งครอบครัวและธุรกิจ

13 พ.ย. 68
17:58 น.
แชร์

การวางแผนการสืบทอดกิจการ เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ตัดสินว่าธุรกิจจะอยู่ได้ยืนยาวหรือจะจบลงในรุ่นไม่กี่รุ่น ทั้งงานวิจัยและคำบอกเล่าจากประสบการณ์ตรงของเจ้าของธุรกิจล้วนบ่งชี้ว่า ธุรกิจที่จะอยู่ได้มั่นคงยั่งยืนต้องมีแผนการคัดเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งบริหาร มีแผนการลงจากตำแหน่งของรุ่นก่อนหน้า และมีแผนการส่งต่อ-เปลี่ยนผ่านอำนาจการบริหารที่มีประสิทธิภาพ

แม้จะรู้ว่าการวางแผนส่งมอบความมั่งคั่งหรืออำนาจบริหารกิจการนั้นสำคัญ แต่เศรษฐีเจ้าของธุรกิจหรือผู้ถือครองความมั่งคั่งจำนวนมากในเอเชียยังไม่มีแผนส่งต่อความมั่งคั่งหรือตำแหน่งบริหาร ซึ่งนั่นทำให้ความมั่งคั่งของพวกเขาอยู่ในสถานะไม่ปลอดภัยมั่นคง 

รายงานการวิจัย “The Asia Generational Wealth Report 2025: Succession in a new era” ที่ธนาคารยูโอบี (UOB Private Bank) จัดทำร่วมกับบอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป (Boston Consulting Group: BCG) และมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนพบว่า เกือบครึ่งของผู้ถือครองความมั่งคั่งรุ่นแรกในทวีปเอเชียยังไม่ได้วางแผนการส่งต่อความมั่งคั่งแบบเชิงรุก และพบว่าผู้มั่งคั่งจำนวนมากจะตัดสินใจเชิงรับ คือ จะวางแผนก็ต่อเมื่อจำเป็นหรือมีสถานการณ์บังคับ โดย 37% รอจนเกิดวิกฤตด้านสุขภาพ และ 43% จะวางแผนหรือส่งต่ออำนาจก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นทางธุรกิจหรือสถานการณ์ทางธุรกิจบีบให้ต้องทำ  

รายงานฉบับนี้ได้สำรวจความคิดเห็นบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูง 228 คนแบบสุ่มจาก 7 ประเทศ/ตลาดในเอเชีย ได้แก่ จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย โดยมีการสัมภาษณ์เชิงลึก 9 ครอบครัวที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเกิน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 970 ล้านบาท) 

ผลการสำรวจพบว่า 91% ของผู้ก่อตั้งธุรกิจครอบครัวยังต้องการรักษาตำแหน่งผู้นำเอาไว้ภายในครอบครัว กล่าวคือต้องการให้ลูกหลานเป็นผู้นำธุรกิจรุ่นต่อๆ ไป แต่ก็มีความท้าทาย คือ 28% บอกว่าทายาทของตัวเองไม่สนใจที่จะรับไม้บริหารธุรกิจ และ 24% กล่าวว่าผู้สืบทอดธุรกิจที่ตัวเองเลือกยังไม่พร้อมที่จะรับหน้าที่ต่อ และผู้ก่อตั้งธุรกิจมากกว่า 1 ใน 3 คิดตัดสินใจเรื่องความมั่งคั่งเพียงลำพัง ไม่ได้ปรึกษาใคร และ 28% ไม่ได้เปิดเผยพินัยกรรมให้ใครทราบ

รายงานนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเร่งวางแผนส่งต่อความมั่งคั่ง เพราะผู้มั่งคั่งในเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในวัยเกษียณแล้ว โดย 60% มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

รายงานเตือนว่า การไม่มีแผนส่งต่อกิจการหรือความมั่งคั่ง ไม่ได้คุกคามเพียงแค่ความมั่งคั่งของครอบครัวเท่านั้น แต่ยังคุกคามเศรษฐกิจในภาพใหญ่ด้วย เนื่องจากความมั่งคั่งส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับธุรกิจครอบครัว ซึ่งจ้างงานผู้คนหลายล้านคนและมีส่วนช่วยพยุงเศรษฐกิจ 

หากเจ้าของธุรกิจหรือผู้ก่อตั้งไม่ได้ทำแผนการสืบทอดที่ชัดเจนไว้ล่วงหน้า อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในครอบครัวและกิจการ เช่น มีการแย่งตำแหน่งบริหารกันเมื่อผู้นำจากไปอย่างกระทันหัน เกิดความแตกแยกขึ้นในครอบครัวหรือตระกูล ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้นอาจทำให้ทรัพย์สินถูกแช่แข็งในระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย และในกรณีเลวร้ายที่สุด บริษัทที่สร้างมาจนเติบใหญ่อาจต้องพังทลายลงในที่สุด 

ข้อมูลจากบอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป ระบุว่า ความมั่งคั่งในเอเชียเพิ่มขึ้นมากในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา จากที่เคยมีสัดส่วน 6% ของมูลค่าความมั่งคั่งรวมทั่วโลกเมื่อ 25 ปีก่อน เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 21% ในปัจจุบัน คิดเป็นอัตราเติบโตแบบทบต้น (CAGR) 11% ต่อปี และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าความมั่งคั่งรวมกันสูงถึง 99 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,200 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2029

ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นเห็นได้อีกทางหนึ่งจากการที่ฮ่องกงซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำนักงานธุรกิจครอบครัว (family office) สามารถดึงดูดผู้มั่งคั่งเข้าไปตั้งสำนักงานธุรกิจครอบครัวในฮ่องกงได้เป็นมูลค่า 975,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปี 2019-2024 ขณะที่สิงคโปร์ดึงดูดได้ 765,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมากกว่า 80% มาจากภายในทวีปเอเชียเอง 

ถึงแม้ความมั่งคั่งในเอเชียจะเพิ่มขึ้นมาก แต่นักวิจัยเตือนว่า หากมหาเศรษฐีในเอเชียยังคงละเลยการวางแผนสืบทอดกิจการ ไม่มีการวางแผนสืบทอดตำแหน่งบริหารให้ดีกว่านี้ ความมั่งคั่งที่สร้างขึ้นมาอาจจะถูกทำลายลงด้วยความขัดแย้งภายในครอบครัวและการจัดการที่ผิดพลาด หรือการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง 

นอกจากนั้น รศ.ดร.ยุพนา วิวัฒนากันตัง จากวิทยาลัยบริหารธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS Business School) ยกตัวอย่างความสำเร็จของบริษัทโตโยต้า (Toyota) จากประเทศญี่ปุ่น ในฐานะธุรกิจเอเชียที่มีการวางแผนสืบทอดกิจการและถ่ายโอนความมั่งคั่งได้อย่างเหมาะสม โดย อากิโอะ โตโยดะ (Akio Toyoda) ประธานกรรมการบริษัทคนปัจจุบัน (ก่อนหน้านี้เป็นซีอีโอ) เป็นหลานชายของผู้ก่อตั้งบริษัท แสดงให้เห็นว่าการส่งมอบความมั่งคั่งที่ถูกวางแผนมาอย่างดีของบริษัทจดทะเบียนซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัว ช่วยรับประกันความมั่นคงขององค์กร และสามารถเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ให้กับผู้ถือหุ้นได้ด้วย

อ้างอิง: Bloomberg, Yahoo Finance

แชร์
เศรษฐีเอเชียไม่วางแผนสืบทอดกิจการ เสี่ยงพังทั้งครอบครัวและธุรกิจ