Soft Power ที่ไม่ใช่มวยไทย ต้มยำกุ้ง และผ้าไหม
เมื่อเราพูดถึง “Soft Power” เรามักจะนึกถึงกลยุทธ์ที่หน่วยงานของภาครัฐพยายามใช้ในการดึงดูดให้ชาวต่างชาติหันมาสนใจและชื่นชอบประเทศไทย ผ่านวัฒนธรรมที่แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย ศิลปะการต่อสู้ หรือแฟชั่นไทย ภาพจำเหล่านี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้คนต่างชาติรู้จักเรา แต่ถ้าเราตีความสำคัญของ Soft Power ใหม่ ไม่ใช่เพียงเครื่องมือเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ แต่เป็นพลังที่ทำให้คนไทยเองหันมาภาคภูมิใจ และเลือกบริโภคสิ่งที่เป็นไทยด้วยความเต็มใจ Soft Power จะมีหน้าตาและวิธีการที่แตกต่างจากที่เราคุ้นเคย
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือความเปลี่ยนแปลงของความบันเทิงที่คนไทยเลือก ในยุคหนึ่งเคยมีคำพูดว่า “อวสานละครไทย” หรือว่าเพลงไทยหมดความนิยม เพราะถูกกระแส K-Pop และ K-Series ถาโถมเข้ามา แต่ในวันนี้ Y-Series ได้กลายเป็น Soft Power รูปแบบใหม่ ที่ทำให้คนไทยกลับมา ‘อิน’ กับคอนเทนต์ไทยอีกครั้ง และยังต่อยอดไปสู่การเติบโตของ T-Pop กระแสเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อส่งออกวัฒนธรรมไปต่างประเทศ แต่ยังทำให้คนไทยเองรู้สึกว่า “ของไทย” มีคุณภาพพอที่จะเป็นตัวเลือกแรก
Y-Series เริ่มต้นจากคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเล็ก ๆ มีจำนวนเรื่องให้เลือกไม่มาก และช่องทางการติดตามก็ยังจำกัด แต่ปัจจุบัน Y-Series เติบโตอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นความบันเทิงในกระแสหลัก ในปี 2025 ตลาด Y-Series มีมูลค่ามากกว่า 4,900 ล้านบาท และภายในเวลาเพียง 10 ปี การผลิตเพิ่มขึ้นถึง 97% จากเดิมที่เรื่องราวเรียบง่าย เน้นรักวัยเรียน ปัจจุบัน Y-Series ขยายไปสู่หลากหลาย Genre ทั้งสืบสวน ย้อนยุค สยองขวัญ หรือแม้กระทั่งการเมืองเข้มข้น เรียกว่ามีครบทุกแนวให้เลือกตามความสนใจของผู้ชม นอกจากนี้ แทบทุกแพลตฟอร์ม OTT ในไทยต่างก็ต้องมี Y-Series อยู่ในตัวเลือก สิ่งเหล่านี้ทำให้ Y-Series เปลี่ยนจากคอนเทนต์กระแสรอง กลายเป็นกระแสหลักในปัจจุบันอย่างแท้จริง
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ได้หยุดอยู่ที่ Y-Series แต่ยังส่งผลต่อวงการ T-POP ที่เคยถูก K-POP และศิลปินต่างชาติกลบกระแส วันนี้ศิลปิน T-POP หลายวงมีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Boy Groups หรือ Girl Groups ที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง แฟนคลับไทยมีพฤติกรรมการติดตาม สนับสนุน และเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเหนียวแน่น ไม่ต่างจากยุคที่ K-POP เคยครองหัวใจคนไทย สิ่งนี้สะท้อนว่า T-POP กำลังก้าวออกจากเงา และสร้างพื้นที่ของตัวเองในกระแสหลักได้สำเร็จ
“ไทยช่วยไทย กินของไทย ใช้ของไทย” เคยเป็นคำขวัญที่ชวนให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าไทยเพื่อช่วยเศรษฐกิจในประเทศ แต่ในวันนี้ สำหรับอุตสาหกรรมความงามหรือ T-Beauty การเลือกซื้อสินค้าไทยไม่ใช่เพียงแค่เพราะอยาก “สนับสนุน” อีกต่อไป
ปัจจุบันถือเป็นยุคทองของ T-Beauty ที่ขับเคลื่อนด้วยคุณภาพจริง ตัวเลขยืนยันได้ชัด: อุตสาหกรรมความงามไทยเติบโตเฉลี่ย 9–10% ต่อปี ในขณะที่เศรษฐกิจไทยโตเพียง 3% เท่านั้น แบรนด์อย่าง ศรีจันทร์, Cathy Doll, Mizumi, Hey Hyness, La Glace และอีกมากมาย ต่างยกระดับมาตรฐานจนทัดเทียมกับแบรนด์ระดับโลก
เบื้องหลังความสำเร็จนี้มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการที่คอนเทนต์ไทยอย่าง Y-Series และ T-Pop สร้างพื้นที่ทั้งในจอและนอกจอให้ผู้บริโภคหันมามองหาสินค้าไทย การที่อินฟลูเอนเซอร์ช่วยอธิบายคุณสมบัติและส่วนผสมในสกินแคร์จนผู้บริโภคเห็นว่า “ของไทยก็ดีไม่แพ้ใคร” รวมถึงพลังของ Social Media โดยเฉพาะ TikTok ที่กลายเป็น community สำคัญ เชื่อมผู้บริโภคเข้ากับแบรนด์ในแบบ ใกล้ชิดเหมือนเพื่อน มากกว่าแบรนด์ต่างชาติที่มักยืนอยู่บนความห่างเหินและภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือเพียงอย่างเดียว
ทั้งหมดนี้ทำให้คนไทยเลือก T-Beauty เพราะ เชื่อใจและมั่นใจในคุณภาพจริง ๆ ไม่ใช่เพียงเพราะอยาก “ช่วยซื้อของไทย” อีกต่อไป แต่เพราะนี่คือ First Choice ในใจผู้บริโภคไทยแล้ว
ผู้บริโภคไทยวันนี้ไม่ได้เชื่อแค่ภาพลักษณ์อีกต่อไป แต่ตัดสินจากคุณภาพที่เห็นจริง คอนเทนต์และสินค้าไทยพิสูจน์แล้วว่าสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้เต็มที่ ตัวอย่างเช่น Y-Series ที่ทั้งบทและโปรดักชันได้รับการยอมรับ ไม่เพียงแต่จากผู้ชมไทย แต่ยังโด่งดังในต่างประเทศ จนถูกเปรียบเทียบว่าจะกลายเป็นกระแสแบบเดียวกับ K-Wave ในอดีต
ฝั่ง T-Beauty ก็เช่นเดียวกัน แบรนด์เก่าแก่อย่าง Mistine กลับมาได้รับความนิยมในไทยอีกครั้ง หลังสร้างกระแสครีมกันแดดโด่งดังในจีน ขณะเดียวกันแบรนด์รุ่นใหม่อย่าง Mizumi และ Her Hyness ก็เติบโตจากสินค้ากลุ่มเล็กๆ แต่ใช้คุณภาพเป็นตัวเล่าเรื่องจนสามารถครองใจผู้บริโภคได้ในเวลาไม่นาน
คุณภาพอย่างเดียวไม่พอ สิ่งที่ทำให้คอนเทนต์และสินค้าไทยเติบโตคือ “ความหลากหลาย” ที่ทำให้ผู้บริโภคเจอสิ่งที่ตรงใจมากขึ้น ในยุคที่ใคร ๆพร้อมจะไถปัดคอนเทนต์ที่ไม่โดนใจ ทางเลือกที่มากขึ้นหมายถึงโอกาสใหม่ๆ ในการขยายฐานจากแฟนเฉพาะกลุ่มไปสู่การเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง
และความหลากหลายนี้ไม่ได้จำกัดแค่ในวงการบันเทิง แต่ยังชัดเจนใน T-Beauty ที่ไม่ได้มีแค่เมกอัพพื้นฐานเหมือนในอดีต แต่พัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง ตั้งแต่สกินแคร์ กันแดดสูตรเจาะจง ไปจนถึงสินค้าที่แก้ปัญหาตามความต้องการของผู้ใช้จริง ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเจอ “แบรนด์ไทยที่ใช่” ในแบบของตัวเอง
ทุกวันนี้ Social Media ทำให้คอนเทนต์หรือสินค้าไทยกลายเป็นกระแสได้ง่าย ใช้งบไม่มากก็เข้าถึงคนจำนวนมาก แต่การจะเปลี่ยนจาก “แค่เห็นผ่านตา” ไปเป็น “อยากหยุดดู อยากลองใช้” ต้องอาศัยพลังของ Community ที่เข้ามามีส่วนร่วมจริงๆ
บน Social คนอาจเจอแค่ hashtags คู่จิ้น แต่สิ่งที่ทำให้หยุดดูจริงๆ คือการเห็นแฟนๆร่วมพูดคุย แชร์ และจัดกิจกรรมสนับสนุนศิลปิน ในโลกของ T-Beauty ก็เช่นกัน รีวิวจาก Influencer อาจสร้างการรับรู้ได้ แต่แรงผลักจริง ๆมาจาก กลุ่มผู้ใช้จริงที่ถกเรื่องส่วนผสมไปจนแชร์ผลลัพธ์หลังการใช้อย่างตรงไปตรงมา
Sources
https://www.thansettakij.com/business/marketing/586996
https://www.scbeic.com/th/detail/product/BL-GL-070125%20
https://rocketmedialab.co/10-Years-Thai-BL-Evolution/
https://www.longtungirl.com/329
https://www.longtungirl.com/13071
Transforms experiences