แบรนด์ต้องรู้อะไรบ้าง? ในวันที่อัลกอริทึมเปลี่ยนไว อัพเดทแพลตฟอร์ม2025

ปฎิเสธไม่ได้ ว่ายุคนี้คือยุคดิจิทัลที่แบรนด์จำเป็นที่จะต้องมี social media เพื่อตามเทรนด์ให้ทัน สร้างการตลาดแบบ Real Time และเกิดกระแสไวรัลเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากที่สุด โดยเฉพาะการสร้างยอดขายในช่วงแคมเปญของทุกเดือน

แต่ความสำเร็จของยอดขายในยุคปัจจุบัน หลายครั้งพบว่า แบรนด์นั้นไม่ได้มีแค่ตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่แบรนด์ได้ใช้พลังของ social media เสิร์ฟคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างการรับรู้ ยอดขายของแบรนด์จึงถูกยึดโยง ขึ้นอยู่กับตัวคอนเทนต์และอัลกอริทึมที่แพลตฟอร์มกำหนดเอาไว้

และในวันนี้เมื่อแพลตฟอร์มเองไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มเหมือนเดิมอีกต่อไป แต่กลายเป็นคู่แข่งของแบรนด์เสียเอง พยายามผันตัวเองเป็น One Stop Solution สำหรับธุรกิจ มีการบริการที่หลากหลายเพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้ งานนี้เจ้าของธุรกิจจะปรับตัวกับสิ่งนี้อย่างไร

บทความนี้ SPOTLIGHT จึงอยากชวนทุกคนมาอัพเดทแพลตฟอร์มระดับโลก อย่าง YouTube, Google, Meta, TikTok และ Line โดยเนื้อหามาจากหัวข้อเสวนา Top Social Media Platforms Update ภายในงาน Marketing Conference 2025 มารู้เท่าเทรนด์ของแพลตฟอร์มระดับโลกไปพร้อมกัน

เทรนด์ที่ต้องรู้ของ YouTube / Google

ตอนนี้ YouTube ได้ขยับตัวจาก  “แพลตฟอร์มความบันเทิง” ไปสู่ “แพลตฟอร์มความบันเทิง + ช้อป + คอมมูนิตี้” ในเวลาเดียวกัน

เจาะลึกพฤติกรรมผู้ชม YouTube

1.Fluid Viewing & Advertising

• ปัจจุบันคนไม่ได้ดูแค่แพลตฟอร์มเดียว และเสพคอนเทนต์แค่แบบเดียว หมายความว่า แม้ว่าคุณจะชอบดูคอนเทนต์สารคดี แต่คุณก็ไม่ได้ดูแค่สารคดีตลอดเวลา แต่กลับเลือกดูคอนเทนต์บันเทิง หรือ lifestyle ซึ่งทำให้เกิดการ Cross over ของ content เช่น มีคอนเทนต์การเมืองมาร่วมกับ lifestyle อย่าง ช่อง goynattydream ที่เป็นคอนเทนต์สนุกสนาน lifestyle ได้มาสัมภาษณ์เหล่านักการเมืองชื่อดัง หรือ ช่อง Woody ก็ได้มาทำ podcast สัมภาษณ์นักธุรกิจและนักการเมือง
• เมื่อคอนเทนต์ แบบ short forms ได้รับความนิยมกลับไม่ได้ส่งผลให้คนดูคอนเทนต์ long forms ของ Youtube ลดลงเลย

• ปีนี้เป็นปีนปีทองของ AI นี่คือโอกาสของแบรนด์และครีเอเตอร์ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานให้โดดเด่น โดย YouTube แนะนำให้ เพิ่ม AI Solution เพื่อช่วยแบรนด์ทำแคมเปญให้ตรงเป้าหมายยิ่งขึ้น - Video Reach Campaign: เน้นการเข้าถึง - Video View Campaign: เน้นเพิ่มยอดดู - Demand Gen Campaign: เน้น Traffic และ Conversion

2.Rich Culture & Fandom

• อาชีพ YouTuber ยังเป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆคน โดยปีนี้มีการอัปโหลดวิดีโอบน YouTube เพิ่มขึ้นกว่า 25% จากปีที่แล้ว
• ทางรอดตอนนี้คือต้องเปลี่ยนจาก view เป็น community ส่งผลให้ตอนนี้ได้เกิดคอนเทนต์คุณภาพมากขึ้น เพราะครีเอเตอร์ทุกคนตั้งใจปั้นผลงานของมาเพื่อแฟนๆ โดย 47%ของ gen z ชอบ video made by fans และกว่า 35%ของ YouTuber รายได้ของพวกเขามาจาก Fan Funding โดยตรง

• โอกาสของแบรนด์ที่จับมือกับครีเอเตอร์ เพื่อเพิ่มการรับรู้และสร้างยอดขาย โดยปัจจุบันมีครีเอเตอร์ให้เลือกมากมายในตลาด อยู่ที่แบรนด์จะเลือกครีเอเตอร์แบบไหน บางคอนเทนต์ยอด follow อาจไม่ได้มีผลต่อการเลือกเพราะต้องการคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ หรือบางคอนเทนต์ต้องการให้เกิดกระแสก็ต้องเลือกครีเอเตอร์จากยอด views โดย YouTube แนะนำให้แบรนด์ทำ Partnership Ads ที่ร่วมมือกันเบื้องหลังเพื่อดัน Engagement & Conversion ให้เกิดผลจริง

3.Enhance Streaming & Shopping

• YouTube ต้องการเปลี่ยนจากการชมสู่การช้อป
• ยอด online shopping ในอาเซียนเติบโตอย่างก้าวกระโดด เทรนด์ Video Commerce โตขึ้น 4 เท่าใน 2 ปี โดยคนเริ่มต้นจากการ Searching, Steaming, Scrolling สู่จากกดไป Shopping
• ปีที่แล้ว YouTube ได้เปิดตัว YouTube Shopping โดยครีเอเตอร์สามารถติด Tag สินค้าในวิดีโอให้คนสามารถซื้อสินค้าได้ทันที โดยมีคนเข้าถึงสินค้าด้วยฟีเจอร์นี้เพิ่มขึ้นกว่า 400% ภายใน 1 ปี
• ตอนนี้ YouTube ได้ขยายการ Shopping แบบ seamless ผ่าน Shoppable Connected TV ที่คนดูเลือกซื้อสินค้าผ่านจอทีวีได้เลย หรือกดรับลิงก์ไปช้อปต่อบนมือถือได้ด้วย

เทรนด์ที่ต้องรู้ใน Meta

• ในอนาคต metaverse จะเข้ามาช่วย business มากขึ้น

-74%ของผู้ใช้งานออนไลน์ อยากสนทนากับธุรกิจเหมือนที่คนกับเพื่อนหรือคนในบ้าน

-95% การสนทนากับลูกค้า ช่วยสร้างประสบการณ์ให้ดีขึ้น

-55% ถ้ามีการสนทนาจะช่วยปิดการขายได้

-คนไทย 87% shopping ช่วงเเคมเปญติดต่อกับการร้านค้าด้วย meta

• จากการสำรวจพบว่า การส่ง Business Messaging มีมากกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก ทั้งผ่าน Messenger, Whatsapp และ Direct Message ใน IG
• Meta แนะนำให้แบรนด์ลองใช้ AI เพื่อสร้างประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น โดยเราสามารถออกแบบเส้นทาง Touchpoint ของ Customer ได้เช่น Entry > Consideration > Conversion
• ตอนนี้ Meta มี AI ที่น่าสนใจอย่างเช่น Llama Foundation Model, Meta AI (ช่วยในการตอบคำถามในแชท), Advantage+ (ช่วยยิงแอด), Business AI
• ในอนาคต Meta กำลังพัฒนา Chatbot ที่มีความฉลาดมาก สามารถช่วยปิดยอดขายได้เลยในขณะที่เจ้าของแบรนด์หรือที่แอดมินไม่ว่าง โดย Meta จะช่วยเก็บ Data ของกลุ่มลูกค้าเพื่อในอนาคตแบรนด์สามารถดึงข้อมูลออกมาเพื่อวิเคราะห์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดมากขึ้น
• Meta ต้องการใช้แพลตฟอร์มของตนเป็นชุมชนที่ปลอดภัย เพราะฉะนั้นแบรนด์ควรต้องปฎิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดเพื่อให้คอนเทนต์ไม่ถูกปิดกั้น

เทรนด์ที่ต้องรู้ใน TikTok

• ตอนนี้ TikTok ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มให้ความบันเทิง แต่เป็นสถานที่ของ community การกำเนิดของ เทรนด์ ไปจนถึงแหล่ง shopping ป้ายยา

• ปัจจุบัน TikTok มี Active Users กว่า 50 ล้านบัญชี ความน่าสนใจคือ users เหล่านี้เป็น Close Loop Platform ที่สามารถ ดูคอนเทนต์ ไปจนถึงซื้อสินค้าและชำระเงินได้อย่างครบวงจร โดยไม่ต้องออกจากแพลตฟอร์ม ซึ่งนี่ถือว่าเป็นจุดแข็งของ TikTok

• ส่องพฤติกรรมผู้ชมใน TikTok

- 1 ใน 5 ของชาว TikTok มักกดติดตาม Creator ที่มีจุดยืนชัดเจน
- 55% ของชาว TikTok รู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์ที่สื่อสารตรงไปตรงมา
- 62% ของชาว TikTok อยากลองสินค้าใหม่จากโปรโมชันบน TikTok
- 1 ใน 3 ของแบรนด์ได้รับการค้นหามากขึ้นเมื่อถูกพูดถึงบนแพลตฟอร์ม TikTok

ส่องเครื่องมือใน TikTok แบรนด์ควรใช้อะไรบ้าง

• TikTok One : เครื่องมือ Matchmaking ที่เชื่อมแบรนด์กับ Creator / Agency Partner พร้อม Insight ของ Campaign Success ที่นำมา Adapt ให้เหมาะกับแบรนด์
• TikTok Market Scope : ช่วยให้แบรนด์ดูได้ว่าแต่ละ Stage มีจำนวน User เท่าไหร่ และสามารถวัด Sentiment ว่าผู้บริโภคมีความรู้สึกหรือพูดถึงแบรนด์อย่างไร และยังสามารถเก็บ Signal จาก Engagement (เช่น การคลิก, ใส่ตะกร้า) แล้วนำไปสร้าง Audience Persona และต่อยอดเป็น Future Customer ต่อได้
• GMV Max (AI Optimize) : Product GMV Max: Boost ยอดขายของสินค้าที่ต้องการโปรโมตโดยเฉพาะ, Live GMV Max: เหมาะกับ Creator หรือแบรนด์ที่ทำ Live ขายของ ช่วยดันยอดขายบนไลฟ์ให้พุ่งขึ้น

เทรนด์ที่ต้องรู้ใน LINE

• ปัจจุบัน LINE มีผู้ใช้งาน LINE OA ถึง 9 ล้าน Accounts และ Broadcast 210 ล้าน Accounts ในแต่ละภาคธุรกิจ
• segments ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องคือ Fashion, Health, Beauty
• ในปีที่ผ่านมาแบรนด์ส่งข้อความผ่าน LINE น้อยลงกว่า 25% แต่ได้ยอดขายและการรับรู้เท่าเดิม นี่ถือว่าเป็นข้อดีเนื่องจาก แบรนด์ได้ประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนลูกค้ารู้สึกดีกับแบรนด์มากขึ้น เพราะไม่ได้รู้สึกว่ารับข้อความพร่ำเพรื่อ
• ตอนนี้ความ Efficiency คือการทำการตลาดให้ตรงจุด ตรง target customer ด้วย right message
• แม้ว่าแบรนด์ต่างใช้ social media platforms เพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าการพึงแค่แพลตฟอร์มเดียวอาจไม่ตอบโจทย์ในยุคปัจจุบัน ทำให้หลายแบรนด์ได้มีการพัฒนา Application ของตัวเอง แต่ปัญหาคือค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ LINE ได้ออก LINE MINI Apps (แอปในแอป) ขึ้นมา โดยมีฟังก์ชั่นที่น่าสนใจอย่างเช่น

- Multiple Entry Points: เก็บแต้ม Membership เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
- Service Message: เข้าถึงลูกค้าได้ทันทีด้วยการแจ้งเตือนผ่าน LINE OA
- Custom Path URL: สร้างลิงก์ URLs สำหรับมาที่หน้าแสดงผลแบรนด์โดยเฉพาะ
- User Acquisition: เพิ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้ง่ายเมื่อลิงก์กับ LINE OA

จุดแข็งของ LINE MINI Apps คือการเพิ่มการมองเห็นให้แบรนด์ เนื่องจาก LINE ผู้ใช้งานมากกว่า 56 ล้านคน, แบรนด์สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายจากการพัฒนาแอปของตนเอง, LINE จะช่วยโปรโมทแบรนด์ของคุณให้

เช่น Starbuck ที่ญี่ปุ่น มีการใช้ LINE MINI Apps เพื่อเพิ่มยอดขาย โดยลูกค้าสามารถกดสั่งซื้อเครื่องดื่มได้เลยในแอป เมื่อร้านค้าทำเครื่องดื่มเสร็จแล้วก็จะมีไลน์แจ้งเตือนมา ข้อดีคือลูกค้ารู้สึกสะดวกสบายประหยัดเวลา และที่สำคัญคือทำให้ space ของหน้าร้านไม่แน่นจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม จากการเคลื่อนไหวของแพลตฟอร์มสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวในยุคที่เทรนด์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพราะทุกเเพลตฟอร์มพยายามพัฒนาตนเองให้มีบริการที่หลากหลายหรือเรียกง่ายๆว่าเป็น One Stop Service ในขณะเดียวกันนี่ถือว่าเป็นโอกาสเเละข้อดีของผู้ประกอบการในยุคปัจจุบันที่สามารถนําความสะดวกสบายของเครื่องมือมาใช้กับธุรกิจของตน เเต่ก็ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะ 'เทรนด์เปลี่ยนไว หน้าที่ของเราก็ต้องปรับตัวให้ทัน ถึงจะอยู่รอด'