สามเดือนหลังจากสั่งห้ามการขายชิปปัญญาประดิษฐ์ของ Nvidia ให้กับจีน รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปรับท่าที โดยอนุญาตให้บริษัทสามารถส่งออกหน่วยประมวลผล H20 ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับตลาดจีนได้อีกครั้ง ท่ามกลางแรงกดดันจากภาคธุรกิจและสัญญาณผ่อนคลายทางการค้าระหว่างสองประเทศ
Nvidia ประกาศเมื่อวันอังคารว่า บริษัทตั้งเป้าจะกลับมาจำหน่ายชิปรุ่น H20 ให้กับลูกค้าในจีน หลังได้รับคำยืนยันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะอนุมัติใบอนุญาตส่งออกในเร็ว ๆ นี้ โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “Nvidia ได้รับคำยืนยันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าบริษัทจะได้รับใบอนุญาต และเราหวังว่าจะสามารถเริ่มส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในจีนได้ในเร็ว ๆ นี้”
H20 เป็นชิปประมวลผล AI ที่ Nvidia พัฒนาขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดการควบคุมการส่งออกของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีเป้าหมายจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำหน้าของจีน ภายใต้ความกังวลด้านความมั่นคง อย่างไรก็ตาม การจำหน่ายชิปรุ่นนี้ต้องหยุดชะงักในเดือนเมษายน หลังจากสหรัฐฯ ขยายขอบเขตมาตรการควบคุมเพิ่มเติม ครอบคลุมถึงการส่งออกเทคโนโลยีประมวลผลประสิทธิภาพสูงทุกประเภท โดยเฉพาะชิปที่ใช้สำหรับการฝึกสอนและ inference ด้าน AI
แม้ H20 จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่า H100 รุ่นเรือธงของ Nvidia แต่ยังคงมีขีดความสามารถสูงในด้านการประมวลผลเชิงลึก โดยเฉพาะในขั้นตอน inference ที่ใช้ในงานปัญญาประดิษฐ์จริง เช่น การวิเคราะห์ภาพ วิดีโอ และข้อมูลเสียง ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎหมายส่งออก Nvidia ได้ปรับลดพลังการประมวลผลของ H20 ให้ต่ำกว่าขีดจำกัดที่กำหนดโดยสหรัฐฯ
การอนุมัติครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการพบปะหารือระหว่างเจนเซน หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของ Nvidia กับประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อวันพฤหัสบดีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาว ซึ่งตามคำแถลงของบริษัท หวงได้แสดงการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในการสร้างงาน ส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีภายในประเทศ และวางตำแหน่งให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำระดับโลกในด้าน AI
ในช่วงที่ผ่านมา หวงได้เดินสายล็อบบี้นักการเมืองในกรุงวอชิงตันอย่างต่อเนื่อง พร้อมแสดงจุดยืนชัดเจนว่าการควบคุมการส่งออกชิป AI ไปยังจีนกำลังบั่นทอนความสามารถของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ และเปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Huawei, Baidu หรือบริษัทจีนหน้าใหม่ ก้าวขึ้นมาแทนที่ Nvidia ในตลาดโลก
เขาเผยว่า รายได้จากตลาดจีนมีความสำคัญต่ออนาคตของ Nvidia อย่างยิ่ง โดยชี้ว่าตลาดจีนอาจสร้างรายได้จาก H20 สูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณนี้ และยังเน้นย้ำว่าจีนมีนักพัฒนา AI มากกว่าครึ่งของโลก อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีการใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ AI สูงที่สุดในโลก
นอกเหนือจากการล็อบบี้ในสหรัฐฯ หวงยังเดินทางไปเยือนจีนหลายครั้งในปีนี้ ล่าสุดคือการเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อพบกับเจ้าหน้าที่รัฐและผู้นำอุตสาหกรรม โดยเนื้อหาการหารือเน้นบทบาทของ AI ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน พร้อมยืนยันความจำเป็นในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม ปลอดภัย และยั่งยืนต่อสังคมโดยรวม
ในพอดแคสต์ของโครงการ Special Competitive Studies Project ที่บันทึกในกรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ก่อน หวงยังแสดงท่าทีแตกต่างจากนักการเมืองอเมริกัน โดยกล่าวว่า “จีนเป็นคู่แข่งและฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่ศัตรูของเรา” และเสนอว่าสหรัฐฯ ควรใช้กลยุทธ์เชิงรุก เช่น การผลักดันให้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของอเมริกาเป็น “มาตรฐานโลก” เหมือนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นมาตรฐานทางการเงิน
แนวคิดดังกล่าวเริ่มได้รับแรงสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนในรัฐบาลทรัมป์ เช่น เดวิด แซกส์ ที่ปรึกษาทำเนียบขาวด้านนโยบาย A.I. และคริปโต
นอกจากนี้ เพื่อลดแรงเสียดทานและสร้างความมั่นใจให้กับภาครัฐ Nvidia ยังได้เปิดตัว GPU รุ่นใหม่ “NVIDIA RTX PRO” ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นไปตามข้อกำหนดการส่งออกทั้งหมดของสหรัฐฯ โดยเน้นการใช้งานเชิงอุตสาหกรรม เช่น การจำลองดิจิทัล (digital twin), โรงงานอัจฉริยะ, และระบบโลจิสติกส์ขั้นสูง ถือเป็นความพยายามของบริษัทในการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมายระหว่างประเทศ
การกลับลำของรัฐบาลทรัมป์ยังมีมิติทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ โดยเกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงการค้าเบื้องต้นระหว่างสหรัฐฯ และจีนเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งรวมถึงการที่จีนจะกลับมาส่งออกแร่หายาก (rare earth elements) ที่จำเป็นสำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และฝั่งสหรัฐฯ จะพิจารณาผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการส่งออกเทคโนโลยีบางประเภทเพื่อสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของรัฐบาลทรัมป์ยังต้องเผชิญแรงต้านจากฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งได้เริ่มสอบสวนการจำหน่ายชิปของ Nvidia ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อประเมินว่าบริษัทอาจละเมิดข้อกำหนดด้วยการส่งมอบเทคโนโลยีสำคัญให้กับบริษัท DeepSeek ของจีนหรือไม่