จากกรณีเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 6 เม.ย. 64 ร.ต.อ.จารึก คงกระเรียน พนักงานสอบสวน สภ.ปราณบุรี รับแจ้งว่ามีคนพบศพของมนุษย์ ถูกฝังอยู่ริมห้วยในไร่อ้อย ริมถนนเส้นปราณบุรี-เขาจ้าว ห่างจาก อบต.หนองตาแต้ม ประมาณ 1 กม.
จากการตรวจสอบเป็นศพของ นายปรีชา ฑีฆะ อายุ 42 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี สภาพสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขาสามส่วนลายพราง นอนอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า ด้านหลังของศีรษะมีร่องรอยถูกของมีคมฟันเป็นแผลยาวประมาณ 3 นิ้ว แขนข้างซ้ายหายไป เมื่อนำร่างขึ้นมาตรวจสอบพบว่าที่นิ้วก้อยข้างขวามีแหวนสเตนเลสสวมอยู่ 2 วง ด้านหลังมีรอยสัก หายออกจากบ้านพักคนงาน ที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 5 กม. ประมาณ 7-10 วันแล้วก่อนพบศพ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ฆ่าโหดฝังดินแรงงานไร่อ้อย พี่ผงะหมาคาบกระดูก ชี้ทางพาไปขุดศพ
วันที่ 7 เม.ย. 64 ล่าสุดตำรวจ สภ.ปราณบุรี ได้จับกุมตัวนายสรพงษ์ มูลสิน หรือ โอโม่ อายุ 21 ปี ผู้ก่อเหตุ แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ซึ่งพ.ต.อ.จรูญศักดิ์ โต๊ะถม ผกก.สภ.ปราณบุรี ได้สอบปากคำด้วยตัวเอง
โดยนายสรพงษ์ ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่านายปรีชา เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน วันที่ 26 มี.ค. 64 เวลาประมาณ 14.00 น. นายปรีชาได้มาดื่มเหล้ากับนายคำเหลิน พ่อของนายสรพงษ์ ที่แคมป์คนงานทำไร่ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของนายสรพงษ์ ดื่มเหล้าจนหมด ด้านนายคำเหลินได้เดินออกจากบ้านไปซื้อเหล้า นายสรพงษ์จึงทำทีชวนนายปรีชาไปหาปลา
เมื่อเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ ห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร นายสรพงษ์ได้ผลักนายปรีชาจนหน้าคว่ำลงกับพื้น ใช้หินตีหัวนายปรีชาจนแน่นิ่งไป หลังจากนั้น ก็ย้อนกลับไปที่บ้านและนำจอบมา ระหว่างทางก็ได้หยิบเชือกที่อยู่ข้างทางมาด้วย ย้อนมาหานายปรีชาและใช้จอบตีซ้ำเข้าที่หัว จนมั่นใจว่านายปรีชาเสียชีวิต มัดมือก่อนจะลากไปฝังที่ริมน้ำห่างออกไปประมาณ 10 เมตร ขุดหลุมลึกเกือบ 1 เมตร และฝังร่างของนายปรีชาเอาไว้ หลังจากนั้น 1 วันก็ย้อนกลับมาดูความเรียบร้อยของหลุมว่าฝังศพมิดหรือไม่ และได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ ตอนกลับไปอยู่บ้านก็กลัวจะมีความผิด แต่ไม่สามารถหนีไปไหนได้เพราะไม่มีรถ ไม่มีงานทำ ต้องอยู่แต่บ้าน จนถูกจับได้
นายสรพงษ์ ยอมรับว่า มีความโกรธแค้นส่วนตัวกับนายปรีชา เพราะเคยชกต่อยมาก่อนเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน ช่วงที่นายปรีชายังอาศัยอยู่ในแคมป์งานเดียวกัน ในวันเกิดเหตุได้ถูกนายปรีชาขู่ฆ่าตัดคอ จึงเกิดความโมโห ชิงลงมือก่อเหตุก่อน และยอมรับว่าในตอนเกิดเหตุนั้นมีอาการเมาเล็กน้อย แต่ยืนยันว่าไม่มีการเสพสารเสพติดมาก่อน ส่วนเรื่องดมกาวนั้น ได้เลิกดมไปกว่า 2 ปีแล้ว
เวลา 14.00 น. พ.ต.อ.จรูญศักดิ์ โต๊ะถม ผกก.สภ.ปราณบุรี, ตำรวจ สภ.ปราณบุรี, ชุดสืบสวนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้คุมตัวนายสรพงษ์ มูลสิน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แคมป์คนงานทำไร่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยภายในพื้นที่ หมู่ 7 ต.หนองตาแต้ม อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีชาวบ้านมาเฝ้าดูการทำแผนประมาณ 20-30 คน บรรยากาศเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย
จุดแรก นายสรพงษ์ได้พาไปชี้จุดที่นายปรีชานั่งดื่มเหล้ากับนายคำเหลิน ผู้เป็นพ่อของตัวเอง จุดที่ 2 อยู่กลางไร่ ห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร เป็นจุดที่นายสรพงษ์หลอกล่อให้นายปรีชาเดินมา และได้ผลักนายปรีชาจนล้ม หลังจากนั้นก็กลับไปบ้าน เอาจอบมาตีซ้ำจนเสียชีวิต และมัดมือนายปรีชา
จุดที่ 3 ห่างจากจุดที่ 2 ประมาณ 10 เมตร เป็นบริเวณริมห้วย ซึ่งนายสรพงษ์ได้ขุดหลุมลึกเกือบ 1 เมตร และฝังกลบร่างของนายปรีชาลงไป จุดที่ 4 เป็นทางเดินออกจากไร่ที่นายสรพงษ์นำจอบที่ใช้ก่อเหตุไปโยนทิ้งในพงหญ้า และจุดที่ 4 จุดสุดท้าย เป็นจุดที่นายสรพงษ์หยิบเชือกที่ถูกทิ้งอยู่ข้างทางมาใช้มัดมือนายปรีชา
นางอ้อย (นามสมมติ) อายุ 55 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า นายปรีชา ผู้เสียชีวิตนั้นเคยเป็นคนงานในแคมป์คนงานเดียวกับตน และรู้จักกับลูกชายของตนเป็นอย่างดี แต่นายปรีชาได้ลาออกและไปทำงานอีกที่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งที่ผ่านมานายปรีชาก็มักจะแวะเข้ามาทักทายตนและลูกชายเป็นประจำ คาดว่าเหตุน่าจะเกิดประมาณวันที่ 26 มี.ค. 64 ช่วงเช้าของวันนั้นนายปรีชาได้มาเยี่ยมและดื่มเหล้ากับนายคำเหลิน หลังจากนั้นตนก็ออกไปทำงาน กระทั่งตอนเย็นกลับมาที่บ้านก็เจอลูกชายนอนเล่นเกมโทรศัพท์เพียงคนเดียว และไม่เจอร่องรอยการก่อเหตุ จึงไม่ได้คิดอะไร และช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากนายปรีชาหายไป ลูกชายก็ยังใช้ชีวิตปกติ นอนเล่นเกมโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน ไม่ออกไปทำงาน จนสุดท้ายก็ตำรวจมาหาที่บ้านและเขาก็ยอมรับว่าเป็นคนฆ่านายปรีชา
ทั้งนี้ ตนไม่รู้ว่าลูกชายผิดใจอะไรกับผู้ตายจึงลงมือก่อเหตุแบบนี้ แต่เชื่อว่าลูกชายน่าจะมีอาการหลอนเพราะดมกาว คิดไปเองว่านายปรีชาจะทำร้ายเขา เพราะโดยปกติลูกชายตนก็มีอาการหลอนอยู่แล้ว ชอบคิดว่าจะมีคนมาฆ่า ตนทำกับข้าวให้กินก็ไม่ยอมกินเพราะกลัวคนวางยาพิษ บางครั้งเขาก็ถือค้อนวิ่งเขามาหาตนเหมือนจะทำร้าย การอยู่กับนายสรพงษ์คือห้ามพูดอะไรให้เขารู้สึกระแวง เพราะเขาดมกาวตั้งแต่ 16 ปี ยืนยันว่าลูกชายไม่เคยก่อเหตุอาชญากรรม ไม่เสพยา กินเหล้าแค่บางครั้ง และตนก็คงไม่ไปประกันตัวเขา ปล่อยให้ได้รับสิ่งที่เขาทำ เพราะตนก็ไม่มีเงิน และตนก็อยากขอโทษครอบครัวนายปรีชาด้วย