มีเรียน อัคเซลการ์ด เปิดใจสถานะ พีเค ปิยะวัฒน์ จุดเริ่มต้นรู้จักกันมานานมาก 8 ปีแล้ว ขอเดินหน้าสานสัมพันธ์ เราอยู่ด้วยกันมีความสุขดี
เชื่อว่าหลายคนอยากรู้เรื่องราวสาวคนใหม่ของ ดีเจพีเค ปิยะวัฒน์ ที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ในตอนนี้ หลังจากมีคนแอบถ่ายภาพทั้งสองคนควงกันไปเที่ยวพัทยาและไอคอนสยามนั้น
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ไปพูดคุยกับ มีเรียน อัคเซลการ์ด เดนมาร์ก วัย 32 ปี เป็นนักธุรกิจส่งออกสินค้าแปรรูปมะพร้าวไปต่างประเทศ โดยเธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะสามีเสียชีวิตไปตั้งแต่คลอดลูกได้เพียง 1 เดือน ปัจจุบันลูกสาวกำลังอยู่ในวัยน่ารัก 3 ขวบครึ่ง
โดยเธอเผยว่ารู้จักกับ พีเค มานาน 8 ปีแล้ว จากการแนะนำกันผ่านทางครอบครัว แล้วบังเอิญว่าเธอเห็น พีเค กำลังอยู่ในช่วงที่เสียใจมากๆ ซึ่งเธอเคยสูญเสียสามีมาก่อนจึงเข้าใจความรู้สึกดี เลยทักไปถาม พีเค ว่าให้ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่า Please จากนั้นก็พา พีเค ไปเที่ยวพัทยาตามที่เห็นในภาพหลุด แต่ไปกับครอบครัวของเธอด้วย เนื่องจากเธออยากพา พีเค ไปเปิดโลกกว้างไม่ต้องอยู่คนเดียว
หลังจากนั้นเธอก็คอยดูแลอยู่ข้างๆตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จริงๆเธอมีบ้านอยู่ที่เชียงใหม่ ต้องบินกลับทุกสัปดาห์ แต่ก็ทิ้งตั๋วมา 2 ใบแล้วเพื่อฮีลใจ พีเค ซึ่งเธอบอกว่าได้เจอทางครอบครัวของฝ่ายชายแล้ว และได้บอกเองเลยว่า จะดูแลให้
ถามถึงสถานะตอนนี้เธอบอกว่าดูเป็นวันๆไป ตราบใดที่ยังมีความสุขอยู่ก็จะยังอยู่ด้วยกัน เพราะเธอเองก็ไม่มีอะไรเสีย ผ่านการแต่งงาน มีลูกมาแล้ว ส่วนกระแสที่ว่าอยากดัง เธอบอกว่าเธอทำธุรกิจส่งออกต่างประเทศ ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ในแสงเพื่อให้คนไทยรู้จัก
เป็นคนที่อยู่ในข่าวค่ะ ที่พัทยาก็ใช่ ก่อนหน้านี้รู้จักกัน ไปเจอกันที่ร้านอาหาร ก็ไปในฐานะน้องคนนึง เป็นห่วงเขา ก็เลยคุยเป็นเพื่อน เหมือนเขาดื่มเยอะ จำอะไรไม่ค่อยได้ อยู่บ้านไม่ทำอะไรเลย เราก็ไม่ได้รู้สึกห่วงแบบพี่น้อง ไม่ใช่ชู้สาว เหมือนเขากำลังมีปัญหา คิดว่าไม่ควรอยู่คนเดียว แค่นั้นเอง ชวนลูกสาวไปด้วย
จุดเริ่มต้นรู้จักกันมานานมาก 7-8 ปี จากทางครอบครัว คนนั้นคนนี้แนะนำให้รู้จัก ซึ่งเรามีลูกแล้ว แต่โสด สามีเสียชีวิต ตั้งแต่ลูกได้ประมาณเดือนนึง ตอนที่สามีเสีย เราพักผ่อนน้อยดื่ม เราเลยเห็นภาพ ความทรงจำเดิมๆ เขาก็อ่านข่าว เขารู้สึกผิด เราเลยบอกเขาว่าต้องเปลี่ยน เลยให้ลูกกับคุณตาแล้วก็พี่ๆบินมาจากเชียงใหม่ และไปพัทยา ไม่ได้ไป 2 คน ไปกันหลายคน ตอนนั้นลูกออกไปทะเล เราไม่ได้รู้สึกอะไร เขาบอกอยากใช้ชีวิตปกติ เขาไม่มีเพื่อน ใครก็ไม่อยากเจอเขา
"I'm not Jolie" เป็นอินไซด์โจ๊กของเรากับพี่พีเค ช่วงที่เราไปพัทยา เราพาเขาไปเดินวอคกิ้งสตรีท ให้ดูโลกภายนอก พอไปที่ไอคอนสยาม คนมองพีเคแบบยิ้มให้ แต่มองเราหัวจรดเท้า เราก็เลยบอกเดี๋ยวไปซื้อเสื้อบอกว่า "I'm not Jolie" ไม่ได้ตั้งใจเป็นข่าว จริงๆเขียนไม่ชัดเลยนะ และเขาก็หัวเราะ แค่นั้นเลย
กลัวไหมคนจะมองไม่ดี เราไม่ได้ชอบที่อยู่วงการ เราอินกับการทำธุรกิจมากกว่า มันไม่ได้มีผลกับการทำงาน ส่วนสถานะเราผ่านการสูญเสีย สามีเสียชีวิต เราคุยกันหัวเราะ อยู่ด้วยกันมีความสุข ไม่ได้มีแผนอนาคต แฮปปี้มาก (แฟนใหม่ได้ไหม?) พอมาถึงจุดที่เสียสามี เราไม่ได้รอ เราเอ็นจอย ใครเรียกอะไรไม่รู้ แต่เราอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกสาว ว่าถ้ามีความสัมพันธ์ความรักที่ดีกับคนนึง เขาก็จะเห็นแบบนั้น เขาโตมากับตายาย เราอยากมีตรงนั้นให้ลูกเห็น
ประเด็นสาวคนใหม่ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่พฤหัสที่แล้ว ที่บินไปเชียงใหม่ จาก 1 วันตกเครื่อง 2 รอบ ถ้ายูกลับไปไอคงดื่มนั่งดูยูทูบเหมือนเดิม เป็นห่วงไหม เราก็พยายามเชียร์อัพ เขาดูแลคนในครอบครัวดีมาก ไม่เคยเห็นพี่พีเคว่าใคร ทุกคนเป็นห่วงเขา ถ้าเขายิ้มได้ก็โอเค
ธุรกิจจะทำยังไง ตอนนี้เราเป็นห่วงเขา?
จริงๆ เราไม่ได้ทำธุรกิจที่เชียงใหม่ แต่บ้านเราอยู่เชียงใหม่ แต่ธุรกิจเราอยู่ที่นี่ ทุกอาทิตย์จะบินไปมา ประมาณวันพฤหัสกลับศุกร์เสาร์ กับพี่พีเคเราก็อยู่ได้ เรามีเวลาทำงาน
พีเคมีข่าวกับสาวคนก่อนเยอะ ให้กำลังใจยังไง?
ถ้าชอบก็ต้องทำให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ พี่เขาคงเสียใจ เขาเป็นคนเทคแคร์ดูแล เขาคงรู้สึกว่าทำไมทำกับเขาแบบนี้ เราฟังเขาพูดหลายวันวนไปมา (โจลี่โทรมาด้วย?) ใช่ค่ะ กำลังคุยกันอยู่ (มีข่าวพัทยาเขาก็โทรมา?) น่าจะใช่ เขาก็โทรมา ขึ้นเป็นวิดีโอคอลมา ไม่ได้คุยค่ะ ไม่ได้อะไรเลย พี่พีเคก็ไม่ได้รับสาย
ตอนนี้เป็นพยาบาลส่วนตัวของ พีเค ไปแล้ว ?
เป็นพยาบาลส่วนตัว เป็นผู้นำสติ (หัวเราะ) ถามว่าเขากี่เปอร์เซ็นแล้ว เรียกแบบนี้ดีกว่า คือทุกครั้งที่มันมีความรู้สึกวิ่งเข้ามา ก็อาจจะมีความรู้สึกบ้าง อย่างเช่นเวลาไปในที่ๆ เคยไป หรือนึกถึงความสัมพันธ์เก่าๆ ถ้าเขารู้สึกขึ้นมา เขาก็จะร้องไห้ แต่เราก็เข้าใจนะคะ เข้าใจเลยว่ามันคือเรื่องธรรมดา และเราเองก็รู้สึกด้วยว่าเขาไม่ควรอยู่คนเดียว เพราะเราก็เคยผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน ทั้งจากเรื่องส่วนตัว และเรื่องงาน คือเราอยู่ได้ สามีเราเสีย เราก็ยังอยู่ได้ เนื่องจากเราไม่เคยอยู่คนเดียว เรามีคนที่เป็นกำลังใจให้เราเสมอ
ถ้าหากในอนาคตความสัมพันธ์พัฒนามากขึ้น เราจะบอกลูกไหม ?
มันเป็นเรื่องของเรา เป็นความสัมพันธ์ของเรากับใครสักคน แต่ด้วยฐานะของเราที่เป็นแม่ ดังนั้นแม่ก็ต้องเอาลูกไว้เสมอ
ในอนาคตเราพร้อมที่จะสร้างครอบครัวอีกครั้งไหม ?
ไม่ได้ปิดตัวเองค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ต้องดูด้วยว่า เราแฮปปี้ไหม ลูกเราแฮปปี้ไหม เขาแฮปปี้ไหม และครอบครัวสองฝ่ายแฮปปี้ไหม
พีเค เคยพาเราไปเจอกับครอบครัว หรือเพื่อนๆ เขาบ้างหรือยัง ?
เจอค่ะ ครอบครัวเขาเองก็เป็นห่วงเรื่องการเสียใจ เรื่องการดื่ม ซึ่งเราก็บอกไปแล้วแหละ ว่าเดี๋ยวเราจะช่วยดูให้
เราดูแลเขายังไงในช่วงนี้ เพราะเขาเจอข่าวรอบด้านเลย ?
คือเราเองก็เคยเจอปัญหา และเราก็รู้แล้วว่าในวันที่เราเจอปัญหา ขอแค่ให้มีคนคนเดียวที่เปลี่ยนเรื่องเศร้าให้เป็นเรื่องสนุก มันก็แค่นั้นเลยค่ะ ง่ายๆ ธรรมดา มันไม่ได้มีอะไรยาก ถ้าเราทำให้เขาหัวเราะได้ เราเองก็มีความสุข
ในขณะที่บางกระแสข่าว หลายคนมองว่าเราอยากดัง ?
เราทำธุรกิจเนอะ และเราก็รู้ด้วยว่าชื่อเสียงมีผลกับธุรกิจมาก แต่เราก็อยากจะบอกไว้ตรงนี้ว่า ธุรกิจของเราไม่ได้อยู่ในเมืองไทย ฉะนั้นเราไม่ได้สนใจค่ะ ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกเครียดตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ และเราก็ตอบเท่าที่เราตอบได้ ก็เป็นกำลังใจให้
ถ้าหากบทสัมภาษณ์นี้ออกไป แล้วคนมองว่าความสัมพันธ์นี้เริ่มต้นเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ ?
เราเป็นคนที่ทรีตทุกคนอยู่แล้ว และเราก็เป็นคนที่มองว่า ถ้าเราเจอใครสักคน แล้วเรามีความสุข เราก็คงไม่ได้มองหรอกค่ะว่ามันเร็วหรือช้าเกินไป เพราะเรามองแค่ตรงนี้ มองแค่โมเมนต์นี้
อยากจะบอกคนในโลกออนไลน์ยังไงบ้าง ?
ตามสบายเลยค่ะ ถ้าอ่านแล้วบันเทิง อ่านแล้วมีความสุข ก็ขอให้ดูให้สนุก
โดนทักเรื่องความสวยไม่สวย หุ่นอวบ ?
ก็ประมาณหนึ่งเนอะ ก็มีแซวพี่เขาเหมือนกันว่าเลือกรูปเราไม่สวยเลย พี่เขาก็เลยบอกว่าจะจ้างช่างแต่งหน้าระดับประเทศมาแต่งให้ ซึ่งตอนนั้นเราคิดว่าเขาพูดเล่น แต่เขาทำจริง วันแรกบอกว่าหมวยใช่ไหม วันที่สองบอกว่าลูกครึ่ง ฉะนั้นวันที่สามก็อินเดียไปเลย ตอกย้ำความฮอตของพี่พีเค (ยิ้ม)
เราอยากจะบอกอะไรกับ พีเค ?
อยากทำอะไรก็ทำได้เลยค่ะ ถ้ามีความสุขก็ทำไป และถ้ายังทำให้เราตลก ทำให้เราสนุก ดูแลเราดีเหมือนที่เราดูแลเขา ก็แฮงค์เอาท์กันได้เรื่อยๆ ค่ะ (ยิ้ม)
