ยืนหยัดตรึงราคาร้านอาหารใจดีขาย ส้มตำ 10 บาท ผัดกะเพรา20 ช่วยลูกค้ายุคของแพง หมู มะนาว มะละกอ ขึ้นราคาก็ไม่หวั่นตาม
วันที่ 17มีนาคม2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านส้มตำ 10 บาท หลังสถานรถไฟห้วยเกิ้ง บ้านโนนสำราญ หมู่6 ต.ห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวอยู่ริมถนน เปิดขายส้มตำและอาหารตามสั่งผัดกะเพราโดยมีลูกค้าทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาสั่งส้มตำและผัดกะเพรานั่งกินที่ร้านและห่อกลับบ้านอย่างไม่ขาดสาย โดยแม่ค้า 3 คนซึ่งเป็นญาติพี่น้องแบ่งหน้าที่กันตำส้มตำผัดกะเพราและทอดกล้วยแขกบริการลูกค้าด้วยรอยยิ้มและเป็นกันเอง
นางมะลิวรรณ คุ้มเมือง อายุ 67 ปี แม่ค้าส้มตำเล่าว่า ในยุคเริ่มแรกย้อนกลับไปประมาณ 45 ปีที่แล้ว สถานีรถไฟห้วยเกิ้งจะเป็นสถานีขนส่งไม้และน้ำตาล เป็นชุมทางที่คึกคักจนกลายเป็นชุมชนใหญ่มีร้านค้าและตลาด บ้านพวกตนตั้งอยู่หน้าโรงเรื่อยพี่สาวของตนจึงเปิดร้านขายส้มตำ ขนมจีนน้ำยาหมี่กะทิ ของหวาน ใช้วัตถุดิบอย่างดีและสะอาด ซึ่งขณะนั้นตนอายุ 20 ปีได้มาช่วยพี่สาวขายส้มตำขายครกละ 2-3 บาท ต่อมาขึ้นราคา 5 บาทและปี 2544 ขึ้นเป็น 10 บาทจนถึงปัจจุบันยังไม่ขึ้นราคาอีกเลย ทั้งตำลาว ตำไทย ตำโคราช จนพี่สาวได้หยุดขายเพราะลูกเรียนจบหมดแล้วและสุขภาพไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ตนจึงมารับช่วงต่อลูกค้าก็มีเด็กนักเรียน ครู เจ้าหน้าที่อบต.เทศบาลไฟฟ้าและชาวบ้านละแวกใกล้เคียง
แม้ว่ามะนาว มะเขือเทศ มะละกอ พริก วัตถุดิบทุกอย่างจะขึ้นราคาแพงขนาดไหนก็ตาม ก็ยังขายราคา 10 บาท เหมือนเดิมเพราะต้องการให้ลูกค้าส่วนมากจะเป็นเด็กกินอิ่มเราอยู่ได้ คนซื้อยู่ได้ไม่ได้คิดถึงเรื่องกำไรขาดทุน ขายส้มตำครกละ 10 บาทส่งลูกเรียนจบปริญญา 3 คน มีงานทำหมดทุกคน ลูกบอกให้หยุดขายแต่ไม่หยุดเพราะว่ามีความสุขได้พูดคุยกับลูกค้า ไม่เหงาและภูมิใจเงินกำไรที่ได้จากขายส้มตำได้ทำบุญ เมื่อถึงวันสำคัญเช่นวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสวรรคตของรัชกาลที่ 9 ญาติพี่น้องก็จะทำโรงทานส้มตำขนมจีนแจกให้กินฟรี”
นางสำรอง ชาวนาผล อายุ 62 ปี น้องสาวนางมะลิวรรณ ซึ่งขายอาหารตามสั่งอยู่ติดกันเล่าว่า ตนช่วยพี่สาวขายส้มตำตั้งแต่ปี 2537 และทำอาหารโรงเรียนกระทั่งปี 2550 ตนหยุดทำอาหารโรงเรียน หันมาขายอาหารตามสั่งผัดกะเพราหมูสับหมูชิ้นหมูกรอบทะเลราคา 20 บาท พิเศษไข่ดาว 25 บาทไข่เจียว 20 บาทโดยใช้ข้าวหอมมะลิอย่างดี ผัดครั้งละจาน ลูกค้าจะเป็นเด็กในหมู่บ้านและหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง ช่วงโควิดเคยหยุดขาย 1 วันมีเด็กมาถามหลานที่เปิดร้านขายกาแฟว่าทำไมไม่ขายอาหารตามสั่งมีเงิน 40 บาทจะไปกินที่ไหนบอกให้หลานมาบอกตนเปิดร้าน ตนสงสารเด็กไม่มีเงินไปซื้อกินที่อื่นจึงเปิดร้านขายตามปกติถึงวันนี้ 15 ปี
“แม้ว่า หมู ไข่ ข้าวหอมมะลิ จะขึ้นราคาตนก็ขายผัดกระเพรา 20 บาท เหมือนเดิม แต่ตนจะตัดเมนูกะเพราหมูกรอบออกไป ที่ยังขายก็เพราะว่าเวลาเนื้อหมูถูกลูกค้าก็ยังมีอุดหนุนเวลาหมูแพงก็ยังมาอุดหนุนเหมือนเดิมจึงไม่ขึ้นราคา แม้ว่าจะได้กำไรไม่มากแต่ก็ตรึงราคารอจนกว่าหมูจะถูก ถัวเฉลี่ยกันไปกำไรพอได้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งตนมีความสุขที่เห็นลูกค้าอิ่มลูกค้าจะสั่งรสชาติแบบไหนตนทำให้หมด จะมีลูกค้าทั้งเด็กผู้ใหญ่นักเรียนครูชาวบ้านหน่วยงานราชการมักจะมาสั่งให้ตนทำข้าวกล่องผัดกระเพรา 20 บาทครั้งละ 50 กล่องและจะทำจนกว่าจะตาย”
นอกจากจะขายส้มตำ 10 บาท ผัดกะเพรา 20 บาท พิเศษไข่ดาว 25 บาท แล้วเจ้าของร้านใจดียังทอดกล้วย มันเทศ และฟักทองขาย 20 บาท ด้วยซี่งรสชาติอร่อยขายหมดทุกวัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-มะนาว กก.ละ 50 บาท มีอยู่จริง ลุงเจ้าของสวน ไม่สนกลไกตลาด
-ลองแล้วไม่ได้! ร้านอาหารใช้ มะม่วงแทนมะนาว แก้ปัญหาราคาแพงตามรัฐบอก
-มะนาวแพง ไม่มีแรงตำ! แม่ค้าส้มตำ ร้านอาหารอีสานโอด มะขามเปียก ใช้แทนกันไม่ได้