นักบินอึ้ง บั้งไฟพุ่งเฉียดเครื่องบิน สูงเกือบ 8,000 ฟุต หวั่นเกิดหายนะ

17 พ.ค. 67

 

นักบินอึ้ง บั้งไฟพุ่งเฉียดเครื่องบิน สูงเกือบ 8,000 ฟุต หวั่นเกิดหายนะ วอนมีจิตสำนึก อย่าอ้างประเพณีเล่นพนัน ยิ่งมีคนเดิมพันบั้งไฟยิ่งสูงขึ้น

วันที่ 17 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ “บันทึกไม่ลับของคนขับเครื่องบิน” โพสต์เล่าเรื่องราวสุดช็อก ในขณะที่นักบินกำลังขับเครื่องบินอยู่ดีๆ แต่กลับเจอบั้งไฟยิงผ่าน ในสูงเกือบ 8,000 ฟุต 

โดยระบุว่า “นอกจากทางทางเหนือมีโคมลอยแล้ว ทางภาคอีสานก็ยังมีบั้งไฟอีกที่เป็นอันตรายต่อการบินมาก” 

“อันนี้ความเห็นส่วนตัวผมนะ เข้าใจว่ามันเป็นประเพณีที่ทำกันมายาวนาน แต่อยากให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมกับประเพณีนี้ ขอให้มีจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัยของส่วนรวมด้วย เพราะมันอันตรายกับอากาศยานมาก รวมถึงผู้โดยสารบนเครื่องบินครับ” 

“ถ้าจะปล่อยบั้งไฟ ขอให้ขออนุญาตหน่วยงานด้านการบินก่อน และทำการปล่อยในจุดที่ขออนุญาต รวมถึงการเล่นการพนันขันต่อว่าบั้งไฟลูกไหนจะสูงกว่ากัน เลิกเถอะครับ เพราะอันนี้มันไม่ใช่ประเพณีแล้ว ยิ่งมีคนเดิมพัน คนยิ่งผลิตก็ยิ่งพัฒนาให้บั้งไฟสูงขึ้นไปอีก” 

“อย่างวันนี้ผมเทคออฟจากอุบล จากพิกัด radial 266 จากสนามบิน เจอบั้งไฟห่างจากเครื่องบินผมไม่ถึง 200 เมตร ขนาดผมอยู่ที่ความสูง 6000 ฟุต บั้งไฟยังขึ้นไปสูงกว่าผมอีก (มองด้วยสายตาน่าจะความสูง 8000 ฟุต) ซึ่งมันอันตรายมาก หายนะเกิดได้ง่ายๆ เลยกับการกระทำแบบนี้” 

“เพราะผมแจ้งหอว่าบริเวณนี้มีการปล่อยบั้งไฟ และหอไม่มีการรายงานการขออนุญาตในเขตพื้นที่แถวๆ นี้ หลังจากนั้นเครื่องบิน ATR ของกองทัพอากาศก็รีพอร์ทบั้งไฟลูกอื่นๆ ตามมา หอบังคับการบินต้องให้คำแนะนำทิศทางนักบินบินหลบกันอุตลุด คิดดูมันอันตรายแค่ไหนครับ” 

จากนั้น เพจดังกล่าว โพสต์ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า “หลังจาก takeoff จากสนามบินอุบลฯ หอบังคับการบิน ได้ให้คำแนะนำให้บินออกจากสนามบินอุบล ด้วย radial 266 จากเครื่องวัดประกอบการบินสนามบินอุบล VOR เป็นการบินออกจากสนามบินทั่วไป เนื่องจากมีเครื่องลำอื่นกำลังมาลงที่สนามบินด้วยในช่วงเวลานั้นๆ รวมถึงมีเครื่องบินแบบ ATR ของกองทัพอากาศที่ ชื่อ call sign Cowboy04 ทำการเทคออฟตามหลังผมมาราวๆ 3-5 นาที” 

“ระหว่างที่กำลังไต่ระดับความสูงผ่านความสูง ราวๆ 5000 ฟุต ผมเองก็มีภาระงานหลังจากเทคออฟที่นักบินต้องทำเยอะพอสมควร ทั้งการหลบเมฆ มองหาเครื่องบินลำอื่นๆ ที่กำลังจะเข้ามาลงที่อุบล การติดต่อหอบังคับการบิน และการ mornitor ค่าต่างๆของเครื่องบินว่าปกติหรือไม่” 

“จากนั้นสายตาก็ไปมองเห็นวัตถุนึง กำลังร่วงหล่นลงสู่พื้นแล้ว เพราะหมดเชื้อเพลิงเนื่องจากสังเกตได้ว่ามีควันอยู่ที่ท้ายวัตถุ และช่วงนี้ก่อนทำการบิน นักบินทุกคนต้องมีการศึกษาข่าวอากาศ NOTAM (Notice To Airman) ก่อนทำการบินอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนมาจากกรุงเทพ จึงทราบว่าหลายจังหวัดทางภาคอีสานของไทย ช่วงนี่มีการจุดบั้งไฟกัน เลยมั่นใจได้ว่าสิ่งที่เห็นคือบั้งไฟอย่างแน่นอน จึงได้ทำการแจ้งหอบังคับการบินในทันที เพื่อให้หอบังคับการบินแจ้งเตือนเครื่องบินลำอื่นๆ ที่กำลังบินตามมา หรือจะมาทำการลงจอดที่สนามบินว่ามีการจุดบั้งไฟ เพื่อความปลอดภัย” 

“หอบังคับการบินได้ทำการแจ้งเตือน เครื่องบินของกองทัพอากาศที่ตามหลังผมมาว่า เครื่องบินลำหน้าพบบั้งไฟที่ความสูง 5-6 พันฟุตให้ระมัดระวัง นักบินเครื่องลำหลังก็รับทราบเพื่อระมัดระวัง สักครู่ หลังจากเครื่องบินลำหลังที่บินตามผมมา 2-3 นาที ก็แจ้งหอบังคับการบินอีกเช่นกันว่าเค้าเองก็พบบั้งไฟลอยขึ้นมาใกล้ๆ เครื่องบินเค้าและอาจจะไม่ปลอดภัย หอบังคับการบินจึงได้ให้คำแนะนำให้เครื่องบินกองทัพอากาศบินฉีกออกไปทางทิศทางการบินอื่นเพื่อความปลอดภัย” 

“จากรูปแรกที่วงไว้คือควันของบั้งไฟที่ผมถ่ายได้ชัดสุดแค่นี้ เพราะไม่สามารถถ่ายวิดีโอได้ เนื่องจากกำลังทำการบินอยู่ที่ความสูงไม่สูงมาก จึงได้แค่หยิบโทรศัพมาถ่ายแค่ 2-3 รูป เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการรายงาน เพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป ส่วนควันสีขาวด้านบนของรูปแรก มันคือ contrail หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าไอเสียเครื่องบิน ที่เราเห็นเป็นเส้นยาวๆ ของเครื่องบินลำอื่นที่บินผ่านน่านฟ้าไทยในระดับความสูงมากๆ ถึงจะเกิด contrail ได้ (อยากทราบการเกิด contrail หาอ่านได้ในเพจผมฮะ เคยเขียนเล่าให้ฟังแล้ว) ที่ความสูงต่ำๆ เครื่องบินจะไม่เกิด contrail” 

“ในภาพถ่ายอาจจะเห็นว่าดูเหมือนไกล แต่จริงๆแล้วระยะที่บั้งไฟขึ้นมา ห่างเครื่องบินไม่น่าจะเกิน 2-3 ร้อยเมตรเท่านั้น เป็นปกติที่คนเราจะดูรูปแล้วบอกว่ามันไกล เพราะมันเป็นรูปถ่าย และเราไม่มีระยะอ้างอิงสายตา” 

“รูปที่สอง นี่คือตัวอย่าง notam ที่สนามบินจะแจ้งเตือนให้นักบินทราบว่าจะมีอะไรที่เกิดขึ้นที่สนามบินบ้าง นักบินต้องศึกษาอ่าน และมี situation awareness ว่าเรากำลังจะบินผ่านจุดไหนที่มีความเสี่ยงบ้าง และที่เค้ามาออก notam ได้เพราะมีการ ”ขออนุญาต“ ก่อนล่วงหน้าว่าจะมีการยิงบั้งไฟ ที่บริเวณไหนบ้าง ช่วงเวลาไหน อันนีัคือสิ่งที่ถูกต้องและควรทำ เพราะเจ้าหน้าที่หอบังคับการบินก็จะทราบพิกัดที่ค่อนข้างแน่นอน และจะไม่ให้นักบินบินผ่านพื้นที่ดังกล่าวตามห้วงเวลานั้นๆ แต่ปัญหาที่เราพบวันนี้คือ ”คนที่ไม่ได้ขออนุญาต“ และยิงบั้งไฟสูงเสียด้วยนี่แหละครับที่ส่วนรวมเดือดร้อน” 

“รูปที่ 3 คือรูปที่ผมพึ่งได้เอามานั่งดูเวลาที่ถ่าย ด้วยความที่มือถือสมัยใหม่ มีการบันทึกเวลา ชนิดกล้อง เลนส์ที่ถ่าย รวมถึงพิกัด gps เลยได้รูปมาอย่างที่เห็นครับว่ามันเกิดประมาณจุดไหน” 

“ทั้งหมดที่ผมออกมาเขียนเตือนเพราะผมเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยครับ เข้าใจดีว่ามันเป็นประเพณี อย่าไปดราม่ากันว่าคนท้องที่ไหนเลย ผมก็ลูกหลานคนอีสาน พ่อผมเป็นคนอุบลนี่แหละ แต่อยากให้คนที่ร่วมประเพณีได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของส่วนรวมและการเดินอากาศด้วยครับ ไม่ใช่ ”ทำอะไรตามใจคือไทยแท้“ เราต้องช่วยกันทำตามกฎเพื่อความปลอดภัย และไม่ใช่อ้างประเพณีว่าทำกันมาแบบนี้ ทุกวันนี้หลายคนคงทราบมันคือการเล่นการพนันกัน ว่าใครบินสูงกว่ากัน เดิมพันกัน มีแพ้มีชนะ คนที่ทำบั้งไฟแม่งก็ยิ่งทำให้มันบินสูงไปเรื่อยๆ” 

“ลองคิดบ้างนะถ้าวันนี้ ”พ่อแม่พี่น้องลูกเมียของคนที่ทำแบบนี้บังเอิญจะกลับบ้านมางานบุญบั้งไฟโดยเที่ยวบินไหนสักเที่ยว แล้วมาโดนบั้งไฟที่ คุณเองทำชนเครื่องบินจนเกิดความสูญเสีย คุณจะคิดอย่างไร?” ฝากไว้ให้คิดครับ” 

 

ขอบคุณภาพ/ข้อมูล : เพจ “บันทึกไม่ลับของคนขับเครื่องบิน”

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส