พี่ไม่ได้ใส่อารมณ์ !! เจ๊อย่าวีน!! อาการไม่พึงประสงค์หลังลดดื่มน้ำหวาน, น้ำอัดลม เปิดเคล็ดลับปรับพฤติกรรม "อ่อนหวาน" ค่อยเป็นค่อยไป ไม่หักดิบจนเกินไป
ทุกวันนี้ น้ำหวาน และ น้ำอัดลม กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มระหว่างทำงาน ดื่มขณะพักผ่อน หรือแม้แต่ใช้เป็นเครื่องดื่มคู่กับอาหาร แต่คุณรู้หรือไม่ว่า น้ำตาลที่แฝงอยู่ในเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคอ้วนลงพุง
การลดหรืองดเครื่องดื่มเหล่านี้ไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากเรารู้เทคนิคปรับพฤติกรรมอย่างถูกวิธีและไม่หักดิบจนเกินไป
NCDs (Non-Communicable Diseases) คือโรคที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ และมักพัฒนาอย่างช้า ๆ สะสมเป็นเวลานาน เกิดจาก พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การกินอาหารที่มีน้ำตาล ไขมัน หรือเกลือสูง ขาดการออกกำลังกาย สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มน้ำหวานจัดเป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญ เพราะมี น้ำตาลสูงพุ่ง โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้ตัว เช่น
• น้ำอัดลม 1 กระป๋อง (325 มล.) มีน้ำตาลถึง 8–10 ช้อนชา
• ชานมหวานจัด 1 แก้ว อาจมีน้ำตาลมากกว่า 12 ช้อนชา
ทั้งที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา !!
• โรคเบาหวาน : น้ำตาลที่เข้าสู่กระแสเลือดเร็วเกินไป ทำให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลลำบาก
• โรคอ้วนและลงพุง : แคลอรีจากเครื่องดื่มหวานไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ แต่อ้วนเร็ว
• ไขมันพอกตับ : น้ำตาลฟรุกโตสจากน้ำหวานส่วนเกินจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมที่ตับ
• ฟันผุ : น้ำตาลเป็นอาหารของแบคทีเรียในช่องปาก
• โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง : น้ำตาลสูงสัมพันธ์กับการอักเสบในหลอดเลือด
1. ใช้สูตร 3-2-1 ค่อย ๆ ลดลงทีละขั้น
• สัปดาห์แรก : ดื่มน้ำหวาน 3 วัน
• สัปดาห์ต่อไป : ลดเหลือ 2 วัน
• สัปดาห์ถัดมา : ดื่มได้ 1 วัน หรือไม่ดื่มเลย
ข้อดีคือไม่หักดิบ ทำให้ร่างกายและจิตใจปรับตัวได้จริง
2. สังเกตนิสัยที่ทำให้ดื่มน้ำหวานโดยไม่รู้ตัว
• ดื่มเวลาง่วง? เปลี่ยนเป็นดื่มชาเขียวไม่หวานหรือเดินยืดเส้น
• ดื่มเพราะเครียด? ลองหากิจกรรมคลายเครียดที่ไม่เกี่ยวกับของหวาน เช่น ฟังเพลง, ออกกำลังกายเบาๆ
3. ใช้น้ำเปล่าให้ชนะความอยาก
• พกขวดน้ำติดตัวไว้เสมอ
• ดื่มน้ำเปล่าทันทีเมื่ออยากน้ำหวาน เพราะบางทีร่างกายแค่ "กระหายน้ำ" ไม่ใช่ "อยากหวาน"
4. เปลี่ยนวิธีการสั่งเครื่องดื่ม
• ถ้าจำเป็นต้องซื้อชา กาแฟ ให้สั่งแบบ "ไม่ใส่น้ำตาล" หรือ "หวานน้อย 0–25%"
• หลีกเลี่ยงท็อปปิ้งที่เพิ่มน้ำตาล เช่น ไข่มุก วิปครีม คาราเมล
5. ใช้แอปหรือสมุดบันทึกติดตามการดื่ม
• บันทึกทุกครั้งที่ดื่มน้ำหวาน เพื่อรู้ว่าคุณดื่มมากน้อยแค่ไหน และกำลังดีขึ้นหรือไม่
การลดการบริโภคน้ำหวานและน้ำอัดลมไม่ใช่เรื่องยากเกินไป ค่อยๆ ปรับพฤติกรรมอย่างเป็นระบบ ไม่หักโหมเกินไป และเลือกสิ่งทดแทนที่ดีต่อร่างกาย การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในวันนี้ จะช่วยป้องกันโรคร้ายแรงในวันข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน
Advertisement