Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
มื้อเช้าไม่หวาน! 4 ข้อกู้คืนพลังงาน สมาธิ หยุดวงจร "เหนื่อย-หิว-วีน"

มื้อเช้าไม่หวาน! 4 ข้อกู้คืนพลังงาน สมาธิ หยุดวงจร "เหนื่อย-หิว-วีน"

4 พ.ย. 68
14:16 น.
แชร์

กู้คืนพลังงานและสมาธิด้วย สูตรอาหารเช้า 4 ข้อ "โปรตีน-ไฟเบอร์" สูง หยุดวงจร "เหนื่อย-หิว-หวาน" อาหารเช้าไม่กลายเป็นพิษ เริ่มต้นวันใหม่ที่สดใสอย่างแท้จริง!

“เริ่มวันด้วยของหวาน” เป็นพฤติกรรมที่หลายคนทำโดยไม่รู้ตัว พิษจากมื้อง่ายๆ ด้วย ขนมปังทาแยม กาแฟเย็นหวานจัด น้ำผลไม้กล่อง ไปจนถึงแพนเค้กหรือซีเรียลรสหวาน ทั้งหมดนี้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงตั้งแต่เช้า และผลกระทบไม่ได้จบแค่ “อ้วน” เท่านั้น แต่ส่งผลลึกถึงระบบฮอร์โมน พลังงาน สมาธิ อารมณ์ และสุขภาพในระยะยาวด้วย

ผลระยะสั้น หลังมื้อเช้าที่หวานจัด

เมื่อคุณกินของหวานมากตั้งแต่เช้า เช่น น้ำตาล 30–50 กรัมขึ้นไป (เทียบเท่ากาแฟเย็นหรือชานม 1 แก้ว) จะเกิดสิ่งเหล่านี้ภายในไม่กี่ชั่วโมง

1. น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว (Blood Sugar Spike)

น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสีถูกดูดซึมเร็ว ทำให้ระดับกลูโคสในเลือดพุ่งขึ้นทันที ร่างกายตอบสนองด้วยการหลั่ง อินซูลิน จากตับอ่อน เพื่อรีบพาน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ ผลคือ พลังงานมาเร็วก็จริง แต่ หมดเร็วมาก

2. พลังงานตกฮวบ (Sugar Crash)

เมื่ออินซูลินหลั่งมากเกินไป น้ำตาลในเลือดจะลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 2–3 ชั่วโมงหลังอาหาร ส่งผลให้เกิดอาการ

• เหนื่อยง่าย ง่วง หรือสมองเบลอ

• หิวอีก ทั้งที่เพิ่งกิน

• ปวดหัวหรืออารมณ์หงุดหงิดง่าย

• สมาธิสั้นลง โดยเฉพาะในช่วงสายถึงเที่ยง

นักวิจัยจาก King’s College London (2021) พบว่า คนที่มี “sugar crash” หรือ “ภาวะเมาน้ำตาล” หลังอาหารเช้า จะรู้สึกหิวและอ่อนเพลียมากกว่าคนที่เลือกรับประทานอาหารเช้าที่มีโปรตีนและไฟเบอร์สูงถึง 26% และมีแนวโน้มจะกินแคลอรีเพิ่มอีกกว่า 300 แคลอรีในวันนั้น

3.สมองและอารมณ์แกว่ง

ระดับน้ำตาลสูงขึ้นเร็วทำให้เกิด “Dopamine surge” คล้ายกับการได้รับรางวัล สมองรู้สึกพอใจชั่วคราว แต่เมื่อระดับน้ำตาลตกลง ฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอลกลับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รู้สึก หงุดหงิด ซึม หรืออารมณ์ไม่คงที่ โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าหรือวิตกกังวล การเริ่มวันด้วยน้ำตาลสูงอาจทำให้อาการแย่ลงโดยไม่รู้ตัว

4. ลดประสิทธิภาพการเผาผลาญ

การที่อินซูลินพุ่งสูงในช่วงเช้าอาจทำให้ร่างกาย “ปิดสวิตช์การเผาผลาญไขมัน” ชั่วคราว เพราะอินซูลินทำหน้าที่เก็บพลังงานรูปแบบไขมันไว้แทนที่จะเผาผลาญ ผลคือ พลังงานส่วนเกินถูกเก็บเป็นไขมันได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง

ผลระยะยาว หากทำเป็นประจำ

การกินหวานมากตั้งแต่มื้อเช้าเป็นประจำ เช่น กาแฟหวาน ขนมปังแยม น้ำผลไม้กล่องทุกวัน จะสร้าง “วงจรผิดปกติของน้ำตาลและอินซูลิน” ที่ค่อย ๆ ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว

1. เสี่ยงต่อภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance)

เมื่อตับอ่อนต้องหลั่งอินซูลินมากซ้ำ ๆ ทุกเช้า เซลล์จะเริ่ม “ชินชา” ต่ออินซูลิน ทำให้ร่างกายต้องหลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อควบคุมระดับน้ำตาล สุดท้ายกลายเป็นภาวะ “ดื้อต่ออินซูลิน” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ โรคเบาหวานชนิดที่ 2

2. เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

น้ำตาลสูงเรื้อรังทำให้เกิดกระบวนการอักเสบในหลอดเลือด เพิ่มการสร้างไขมันเลว (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ ขณะเดียวกันลดไขมันดี (HDL) เพิ่มโอกาสเกิด หลอดเลือดแข็งและตีบ (atherosclerosis) ในระยะยาว

งานวิจัยในวารสาร JAMA Internal Medicine (2014) พบว่า คนที่ได้รับพลังงานจากน้ำตาลมากกว่า 25% ของแคลอรีต่อวัน มีความเสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจสูงขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับคนที่กินน้ำตาลน้อยกว่า 10%

3. ทำลายสุขภาพผิวและเร่งวัย

น้ำตาลที่สูงเรื้อรังจะกระตุ้นกระบวนการ glycation ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวเสื่อมเร็ว เกิดริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และอักเสบง่าย ผลคือ ผิวแก่ก่อนวัย แม้ยังอายุไม่มาก

4.กระทบสมองและการควบคุมอารมณ์ในระยะยาว

วารสาร Scientific Reports ปี 2017 พบว่า คนที่บริโภคน้ำตาลมากกว่า 67 กรัมต่อวัน มีความเสี่ยงเกิดภาวะความผิดปกติทางจิตเวชทั่วไป ซึ่งรวมถึงอาการวิตกกังวลและซึมเศร้า ภายใน 5 ปี สูงกว่าคนที่กินน้อยกว่า 40 กรัมต่อวันถึง 23% น้ำตาลสูงกระตุ้นการอักเสบระดับต่ำในสมอง และลดการทำงานของสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน และ โดปามีน

5. ส่งผลต่อไมโครไบโอมลำไส้

น้ำตาลมากเกินไป โดยเฉพาะในตอนเช้า จะทำให้จุลินทรีย์ชนิดเสียในลำไส้เจริญมากขึ้น (เช่น Candida, Clostridium) ในขณะที่แบคทีเรียดีอย่าง Bifidobacterium ลดลง → ส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน การขับถ่าย และแม้แต่ภาวะอารมณ์ในระยะยาว

มื้อเช้าที่ดีควรประกอบด้วยอะไรบ้าง

1. เพิ่มโปรตีนและไฟเบอร์ : ไข่ต้ม, โยเกิร์ตไม่หวาน, ถั่ว, ข้าวโอ๊ต, ผักผลไม้สด เพราะโปรตีนและไฟเบอร์ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดนิ่ง

2. เลือกคาร์บเชิงซ้อนแทนน้ำตาลขัดสี : เช่น ขนมปังโฮลเกรน, ข้าวกล้อง, มันเทศ ร่างกายค่อย ๆ ปล่อยพลังงานออกมา ทำให้ไม่ crash

3. ถ้าชอบหวาน ให้เลือกหวานจากธรรมชาติ : ผลไม้สดรสเปรี้ยว (ส้ม แอปเปิลเขียว เบอร์รี่) ที่มีไฟเบอร์สูง จะช่วยลดผลกระทบจากน้ำตาล หลีกเลี่ยงน้ำผลไม้คั้นแยกกาก เพราะทำให้ดูดซึมเร็วเหมือนน้ำตาลบริสุทธิ์

4. ดื่มน้ำก่อนกาแฟหรืออาหารเช้า : ช่วยลดความอยากหวาน และกระตุ้นระบบเผาผลาญก่อนกิน

“เริ่มวันด้วยของหวาน” คือการตั้งต้นวันด้วยการเหวี่ยงระดับน้ำตาลในเลือดและอารมณ์ของตัวเอง ร่างกายจะเหนื่อยง่าย หิวบ่อย และค่อย ๆ เดินเข้าสู่โรคเรื้อรังโดยไม่รู้ตัว

อ้างอิง

1. The effect of breakfast composition on blood glucose and appetite regulation. King's College London

2. Added Sugar Intake and Cardiovascular Diseases Mortality Among US Adults

3. Sugar intake from sweet food and beverages, common mental disorder and depression

4. Impact of postprandial glycemia on health and prevention of disease

Advertisement

แชร์
มื้อเช้าไม่หวาน! 4 ข้อกู้คืนพลังงาน สมาธิ หยุดวงจร "เหนื่อย-หิว-วีน"