
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประกาศถอนกำลังทหารออกจากเยเมน พร้อมทั้งประกาศยุติภารกิจที่เรียกว่าปฏิบัติการ "ต่อต้านการก่อการร้าย" หลังจากซาอุดีอาระเบียกล่าวหาว่า UAE สนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในเยเมน การประกาศถอนทัพเมื่อวันอังคารที่ 30 ธันวาคม เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลเยเมนยื่นคำขาดให้ UAE ถอนกำลังออกพ้นประเทศภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ซาอุดีอาระเบียให้การสนับสนุน
ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง กองกำลังพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียได้โจมตีท่าเรือมุกัลลาทางตอนใต้ของเยเมน โดยพุ่งเป้าไปที่เรือขนส่งอาวุธของกองทัพสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่กำลังส่งมอบอาวุธให้กับสภาเปลี่ยนผ่านภาคใต้ หรือรู้จักกันในชื่อ STC ซึ่งเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในเยเมน
กลุ่ม STC ซึ่งในช่วงแรกได้สนับสนุนรัฐบาลเยเมนที่นานาชาติรับรองในการต่อสู้กับกลุ่มกบฏฮูตี ได้เปิดฉากบุกโจมตีกองกำลังรัฐบาลที่สนับสนุนโดยซาอุดีอาระเบียในเดือนนี้ เพื่อพยายามสถาปนารัฐอิสระในพื้นที่ทางตอนใต้ โดย STC สามารถเข้าควบคุมพื้นที่กว้างขวางในเยเมนตอนใต้ รวมถึงจังหวัดฮาดราเมาต์ และจังหวัดมาฮารา ซึ่งเป็นการท้าทายคำเตือนจากซาอุดีอาระเบีย
ซาอุดีอาระเบียกล่าวว่า รู้สึกผิดหวังต่อแรงกดดันที่กระทำโดย UAE ต่อกลุ่ม STC เพื่อให้ดำเนินปฏิบัติการทางทหารในจังหวัดฮาดราเมาต์และมาฮารา โดยซาอุดีอาระเบียกล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ
ภายหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทรวงกลาโหมของ UAE กล่าวว่า ได้ดำเนินการประเมินอย่างครอบคลุม เกี่ยวกับบทบาทของตนในเยเมน และตัดสินใจที่จะยุติภารกิจที่นั่น โดยแถลงการณ์ระบุว่า "จากสถานการณ์ล่าสุดและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของภารกิจต่อต้านการก่อการร้าย กระทรวงกลาโหมขอประกาศยุติภารกิจของบุคลากรต่อต้านการก่อการร้ายที่เหลืออยู่ในเยเมนด้วยความสมัครใจของตนเอง ในลักษณะที่รับประกันความปลอดภัยของบุคลากร"
ความขัดแย้งภายในกองกำลังพันธมิตรอาหรับปะทุขึ้น หลังซาอุดีอาระเบียโจมตีทางอากาศที่ท่าเรือมุกัลลา เพื่อสกัดเที่ยวเรือที่เชื่อว่าขนอาวุธให้กลุ่มแยกดินแดน STC เหตุการณ์นี้สะท้อนรอยร้าวลึกระหว่างซาอุดีอาระเบีย และ UAE ที่ร่วมรบกันมาตั้งแต่ปี 2015 แต่กลับมีความเห็นต่างเรื่องทิศทางอำนาจในเยเมนตอนใต้
รัฐบาลเยเมนที่ซาอุดีอาระเบีย หนุนหลังตอบโต้ด้วยการยกเลิกข้อตกลงป้องกันประเทศและสั่งให้กองทัพ UAE ถอนตัวออกไปภายใน 24 ชั่วโมง โดยกล่าวหาว่า UAE บงการกลุ่ม STC ให้ก่อกบฏ ขณะที่ UAE ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการขนอาวุธและยืนยันว่าพร้อมหาทางออกร่วมกันเพื่อความมั่นคงของภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม STC ยังคงมีท่าทีท้าทาย โดยยืนกรานว่า ไม่มีความคิดที่จะถอนตัวจากตำแหน่งที่เพิ่งยึดมาได้ นายอันวาร์ อัล-ตามิมี โฆษกของ STC กล่าวกับสำนักข่าว AFP ระบุว่า "มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เจ้าของที่ดินจะถูกขอให้ออกจากที่ดินของตนเอง สถานการณ์นี้จำเป็นต้องอยู่ต่อและเสริมกำลังให้แข็งแกร่งขึ้น… เราอยู่ในตำแหน่งป้องกัน และการเคลื่อนไหวใดๆ ที่มุ่งเข้าหากองกำลังของเรา จะถูกตอบโต้โดยกองกำลังของเราเช่นกัน"
ความขัดแย้งของซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นับเป็นการทำลายพันธมิตรในเยเมนที่มีร่วมกันมากว่า 10 ปี ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 กลุ่มกบฏฮูตี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้เข้ายึดเมืองหลวงซานาและพยายามยึดครองทั้งประเทศ ซาอุดีอาระเบียจึงจัดตั้ง "พันธมิตรอาหรับ" โดยมี UAE เป็นพันธมิตรเบอร์สองที่สำคัญที่สุด เพื่อเป้าหมายเดียวกันคือขับไล่กบฏฮูตีและคืนอำนาจให้รัฐบาลเยเมน
อย่างไรก็ตาม แม้สองประเทศจะจับมือร่วมสู้กับกบฏฮูตี แต่ลึก ๆ แล้วทั้งสองประเทศมีเป้าหมายในเยเมนต่างกัน ซาอุดีอาระเบียต้องการรัฐบาลเยเมนที่เข้มแข็งและเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเป็นรัฐกันชนกับอิหร่าน และเน้นความมั่นคงตามชายแดนทางตอนเหนือ ขณะที่ UAE เน้นการควบคุมจุดยุทธศาตร์ริมทะเลและท่าเรือทางตอนใต้ เช่น เอเดน และมุกัลลา เพื่อขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเดินเรือ และที่สำคัญคือ UAE เกลียดชังกลุ่ม "พรรค Islah" ซึ่งเป็นกลุ่มมุสลิมภราดรภาพที่ซาอุดีอาระเบียยอมรับได้ แต่ UAE ถือเป็นผู้ก่อการร้าย
เพื่อให้ได้มาซึ่งอิทธิพลทางตอนใต้ UAE จึงเริ่มฝึกอาวุธและให้เงินสนับสนุนกลุ่มคนในพื้นที่ จนก่อตัวเป็น สภาเปลี่ยนผ่านภาคใต้ โดยกลุ่ม STC นี้ไม่ใช่แค่สู้กับฮูตี แต่พวกเขามีฝันอยากแยกตัวเป็นเอกราช กลับไปเป็นประเทศเยเมนใต้เหมือนในอดีต กลายเป็นว่า UAE หนุนกลุ่มที่จะแบ่งแยกประเทศ ในขณะที่ซาอุฯ หนุนรัฐบาลที่ต้องการรวมประเทศ
รอยร้าวเริ่มเกิดขึ้นในปี 2019 UAE ประกาศถอนทหารส่วนใหญ่ออก เพราะโดนวิจารณ์เรื่องสิทธิมนุษยชนจากนานาชาติ แต่ยังคงทิ้งเครือข่ายกองกำลังท้องถิ่น อย่าง STC ไว้ ในปีนั้น STC เคยปะทะกับทหารรัฐบาลเยเมนมาแล้วครั้งหนึ่ง จนต้องมีการทำข้อตกลงริยาดเพื่อสงบศึกชั่วคราว แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงการ "สงบศึกบนกระดาษ" และการโจมตียืดเยื้อมายาวนาน ซึ่งนานาชาติเรียกว่าเป็นเป็นภาวะหยุดชะงักในเยเมน
จนกระทั่งล่าสุด สิ่งที่ทำให้ซาอุดีอาระเบียฟิวส์ขาดจนนำมาสู่ข่าวการโจมตีทางอากาศ คือการที่ STC เริ่มบุกยึดพื้นที่ในจังหวัดฮาดราเมาต์ และ มาฮารา พื้นที่เหล่านี้มีทรัพยากรน้ำมันและ ติดชายแดนซาอุดีอาระเบียโดยตรง หลายฝ่ายจึงมองว่าการแตกคอในครั้งนี้ไม่ใข่แค่เรื่องเป้าประสงค์ขั้วตรงข้าม แต่ยังมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่ไม่ลงตัวด้านทรัพยากรด้วย