Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
สื่อต่างชาติเผย กัมพูชาเสียหายหนักแต่ปิดข้อมูล คนตายเยอะ-เศรษฐกิจล่ม
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

สื่อต่างชาติเผย กัมพูชาเสียหายหนักแต่ปิดข้อมูล คนตายเยอะ-เศรษฐกิจล่ม

19 ธ.ค. 68
16:45 น.
แชร์

BBC รายงานความเสียหายของกัมพูชา จากการปะทะตามแนวชายแดนกับประเทศไทย โดยระบุว่า “กัมพูชาไม่ได้เปิดเผยจำนวนทหารที่เสียชีวิตนับตั้งแต่การสู้รบเริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม แต่กองทัพไทยคาดการณ์ว่า อาจมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยนาย ขณะที่ฝั่งไทยมีทหารเสียชีวิต 21 นาย ความแตกต่างนี้แสดงให้เห็นว่ากองทัพไทยมีขนาดใหญ่กว่าและมีอุปกรณ์ที่ดีกว่ามาก”

นอกจากนี้ ทีมข่าว BBC ได้ลงพื้นที่ในฝั่งกัมพูชา โดยรัฐบาลกัมพูชาได้พาไปพบกับทหารที่บาดเจ็บจากการสู้รบบริเวณชายแดนในโรงพยาบาลมงคลโบเรย ในจังหวัดบันเตียเมียนเจย พื้นที่นี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนประเทศไทย โดยอยู่ห่างจากอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ประมาณ 60 กิโลเมตร ทีมข่าวบรรยายว่าเป็นอาคารสถานพยาบาลเพียง 1 ชั้น โปร่งโล่งและรายล้อมไปด้วยต้นไม้

ทีมข่าวได้เห็นทหารที่ได้รับบาดเจ็บนอนนิ่งอยู่บนเตียง แขนขาดตั้งแต่ข้อศอก ภรรยาของเขานั่งอยู่ข้าง ๆ ยิ้มและพยายามให้กำลังใจเขา ด้านนายแพทย์ประจำโรงพยาบาลได้นำภาพบาดแผลที่น่าสยดสยอง ซึ่งทหารโดนระเบิดมาให้กับทีมข่าวได้ดู แพทย์คนดังกล่าวพูดว่า เขารู้สึกเจ็บปวดใจ และโปรดบอกให้โลกรู้ว่าเราแค่ต้องการสันติภาพ

ทั้งนี้ แม้การสู้รบในระลอกแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมจะกินเวลา 5 วัน แต่ความขัดแย้งที่ตึงเครียดนั้นเกิดขึ้นยาวนานมากว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งทั้งสองประเทศได้รับความเสียหายมากกว่าเพียง 5 วันนั้น Spotlight ชวนอ่านว่าสื่อต่างประเทศเขียนถึงความเสียหายในครั้งนี้อย่างไรบ้าง

ศักยภาพกองทัพกัมพูชาต่ำกว่าไทย จึงเสียหายมากกว่า

BBC รายงานว่า สถานการณ์ชายแดนขณะนี้ มีการยิงปืนใหญ่ตอบโต้กันตลอดแนวชายแดนยาว 800 กิโลเมตร และมีการสู้รบระยะประชิดอย่างดุเดือดระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาเพื่อแย่งชิงการควบคุมเนินเขาที่มีป่าปกคลุมอยู่ไม่กี่แห่ง 

ด้านกองทัพอากาศไทยมีอิสระในการทิ้งระเบิดเป้าหมายภายในประเทศกัมพูชา แต่กัมพูชามีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่จำกัดและไม่มีกองทัพอากาศของตนเองด้วยซ้ำ ด้านกัมพูชาใช้อาวุธหลักเป็นจรวด BM21 ซึ่งเป็นอาวุธที่มีความแม่นยำต่ำ พวกเขาใช้มันยิงถล่มฝั่งชายแดนไทย และหลายฝ่ายมองว่า เป็นเรื่องยากที่จะระบุสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมานานกว่า 120 ปีเกี่ยวกับดินแดนผืนเล็ก ๆ จึงปะทุขึ้นเป็นความขัดแย้งทางอาวุธขนาดใหญ่เช่นนี้

ประเทศไทยกล่าวโทษกองกำลังกัมพูชาว่าเป็นผู้ซุ่มโจมตีทีมวิศวกรไทยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ขณะที่รัฐบาลกัมพูชากล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูลของไทยเป็นผู้จุดชนวนสงครามอีกครั้งเพื่อเพิ่มโอกาสในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมาถึง

สิ่งที่แตกต่างในครั้งนี้คือ ความมุ่งมั่นของกองทัพไทยที่จะสู้ต่อไปจนกว่ากองทัพกัมพูชาจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อชายแดนอีกต่อไป ตามคำกล่าวของบรรดาผู้บัญชาการกองทัพไทย กองทัพไทยปฏิเสธข้อเรียกร้องของกัมพูชาให้หยุดยิง และยังเพิกเฉยต่อคำขอร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาสงบศึก

รังสแกมเมอร์เสียหาย ทำลายแหล่งทุนกัมพูชา

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม เครื่องบินรบ F-16 ของไทยได้ทิ้งระเบิดหลายลูก ทำลายสะพานที่สร้างโดยจีน ซึ่งเชื่อมต่อชายแดนทางใต้ของกัมพูชากับไทยเป็นระยะทางยาว 20 เมตร นอกจากนี้ ยังโจมตีอาคารแปดชั้นที่อยู่ติดกับคาสิโน ซึ่งฝ่ายไทยกล่าวว่าถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการทางทหาร

ผลที่ตามมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หรืออาจจะเป็นไปโดยตั้งใจ ก็คือการกระตุ้นให้ชาวจีนทั้งชายและหญิงจำนวนมากอพยพออกไป เราเห็นพวกเขาเข็นกระเป๋าเดินทางล้อลากและถือคอมพิวเตอร์และจอคอมพิวเตอร์ เดินข้ามแม่น้ำอย่างเสียงดังบนสะพานเหล็กเก่า ซึ่งยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่ แต่ไม่เหมาะสำหรับยานพาหนะขนาดใหญ่

เจ้าหน้าที่กัมพูชาพานักข่าวไปยังสะพานข้ามแม่น้ำเมะเตือกดังกล่าว และพบเข้ากับแก๊งสแกมเมอร์ที่ปิดบังใบหน้าและไม่ยอมพูดคุยกับใคร นายโจนาธาน เฮด นักข่าว BBC กล่าวว่า “พวกเขาทำงานอยู่ที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ แต่เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่พวกเขากำลังถืออยู่นั้น ทำให้แน่ใจได้เกือบ 100% ว่าพวกเขามาจากแหล่งต้มตุ๋นที่ดำเนินการอยู่ในหลายพื้นที่ชายแดนของกัมพูชา”

ความเกี่ยวข้องของผู้นำกัมพูชากับอุตสาหกรรมฉ้อโกงเป็นจุดอ่อนในการต่อสู้เพื่อความเห็นใจจากนานาชาติของประเทศ และไทยได้กำหนดให้การโจมตีจุดนี้เป็นส่วนสำคัญของปฏิบัติการทางทหาร โดยได้ทิ้งระเบิดใส่คาสิโนหลายแห่ง

รัฐบาลกัมพูชากล่าวว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการกับศูนย์ฉ้อโกง แต่การที่ศูนย์ต้มตุ๋นออนไลน์เหล่านี้แพร่หลายมากขึ้นในประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และความเชื่อมโยงกับบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลทางการเมืองหลายคนในกัมพูชา ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความจริงใจของการดำเนินการดังกล่าว

สิ่งที่รัฐบาลกัมพูชาหวังว่าจะได้รับความเห็นใจคือ การเรียกร้องสันติภาพ นับตั้งแต่การสู้รบปะทุขึ้นอีกครั้ง รัฐบาลกัมพูชาได้กล่าวซ้ำ ๆ แทบตลอดเวลาว่า ขอให้กลับไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในเดือนกรกฎาคม และขอให้มีการไกล่เกลี่ยจากนานาชาติ จะเห็นได้จากในเมืองต่าง ๆ ของกัมพูชา ป้ายต่างๆ ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเขมรประกาศความปรารถนาในสันติภาพ 

เศรษฐกิจพัง แรงงานทะลักกลับบ้าน การค้าชายแดนชะงัก

นอกเหนือจากความทรมานแสนสาหัสที่ทหารได้รับในแนวหน้าแล้ว ผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็ต้องรุนแรงเช่นกัน แม้ว่าสถิติในเรื่องนี้จะหาได้ยากก็ตาม

แรงงานข้ามชาติกว่า 700,000 คนเดินทางกลับจากประเทศไทยด้วยความกังวลว่าจะถูกคุกคามจากคนไทย รวมถึงฮุน เซน ประกาศกดดันให้แรงงานกลับกัมพูชาด้วย ขณะที่ชาวกัมพูชาประมาณ 480,000 คนต้องพลัดพรากจากบ้านเรือน และต้องตื่นตระหนกกับการโจมตีทางอากาศของไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเพียงแค่ข่าวลือ แต่ก็ทำให้หลายครอบครัวต้องย้ายที่อยู่มากกว่าหนึ่งครั้ง

การค้าชายแดนกับไทยมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้หยุดชะงักลง ชุมชนชายแดนในทั้งสองประเทศได้รับผลกระทบ และแรงกดดันระดับโลกที่เพิ่มมากขึ้นในการต่อต้านการฉ้อโกงทางออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรที่เพิ่งคว่ำบาตรนักธุรกิจชาวกัมพูชาหลายราย  ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันได้คุกคามอุตสาหกรรมการหลอกลวง ซึ่ที่มีมูลค่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจของประเทศ

อย่างไรก็ตาม แม้นานาชาติบางกลุ่มอาจมองว่ากัมพูชาเป็นประเทศเล็กถูกรังแก แต่ภาพลักษณ์ของประเทศนี้ก็ไม่ได้ดีหรือใสสะอาดเสียเท่าไหร่ นอกจากจะถูกมองว่าเป็นแหล่งบัญชาการของศูนย์หลอกลวงที่แข็งแกร่ง จากการสนับสนุนของรัฐบาลแล้ว ความเคลื่อนไหวของฮุน เซน ที่ปล่อยคลิปเสียงสนทนากับอดีตนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ยังบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของกัมพูชาในสายตานานาชาติอย่างหมดสิ้น ทำให้สาธารณชนมีทัศนคติที่ไม่ดี เช่นเดียวกับหลักฐานที่แน่ชัดว่าทหารกัมพูชายังคงวางทุ่นระเบิดในช่วงหยุดยิง ซึ่งส่งผลให้ทหารไทย 7 นายต้องถูกตัดแขนขา

สัมพันธ์ไทย-กัมพูชา แตกหักจริงในคราวนี้

เจ้าของร้านอาหารในสุรินทร์ ฝั่งไทยติดกับชายแดน เล่าว่า ความขัดแย้งครั้งนี้แตกต่างจากสงครามสั้น ๆ เมื่อ 14 ปีก่อนมาก ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในสุรินทร์นั้นแน่นแฟ้นมาโดยตลอด มีชาวกัมพูชาจำนวนมากทำงานอยู่ที่นั่น และภาษาเขมร ซึ่งเป็นภาษาของกัมพูชา ก็มีการใช้พูดกันทั่วทั้งภูมิภาค

เธอกล่าวว่า ย้อนกลับไปในปี 2011 ไม่มีใครแสดงความเป็นปรปักษ์ต่อพวกเขา และพวกเขายังคงอยู่ในประเทศไทยตลอดช่วงการสู้รบ แต่ในครั้งนี้ เธอกล่าวว่า มีความสงสัยต่อชาวกัมพูชามากขึ้น และส่วนใหญ่ก็เดินทางออกไป เธออธิบายว่าสาเหตุมาจากความคิดเห็นที่ปลุกปั่นในโซเชียลมีเดีย ซึ่งได้ปลุกระดมความโกรธแค้นและชาตินิยมที่บิดเบือนในทั้งสองประเทศ

นั่นทำให้ผู้นำของทั้งสองฝ่ายแสดงท่าทีประนีประนอมได้ยาก โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเนื่องจากวิกฤตที่เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลของฮุน เซน ทำให้จะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า และไม่มีพรรคการเมืองใดที่ลงสมัครรับเลือกตั้งสนับสนุนการหยุดยิง

ไทยกล่าวหาว่า กัมพูชาว่ากำลังเล่นบทเหยื่อ ที่พยายามเรียกร้องให้มีการแทรกแซงจากภายนอก ส่วนกัมพูชากล่าวหาไทยว่ากำลังเล่นบทผู้รุกราน นี่ไม่ใช่ภาพลักษณ์เหมารวมใหม่ แต่ภาพลักษณ์เหล่านี้ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นมากในปีนี้ จนยากที่จะมองเห็นความไว้วางใจซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้

แชร์
สื่อต่างชาติเผย กัมพูชาเสียหายหนักแต่ปิดข้อมูล คนตายเยอะ-เศรษฐกิจล่ม