
Spotlight ชวนนับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง การประชุม APEC 2025 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นที่เมืองคยองจู แม้บรรยากาศจะคึกคัก แต่เกาหลีใต้คุมเข้มรับการเยือนของทรัมป์และสี จิ้นผิง รวมถึงผู้นำโลกอีกหลายคน
ขณะที่ทีมข่าว Spotlight กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดนิทรรศการ Korea Trade-Investment Promotion Agency สำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนของเกาหลีใต้ ในเมืองคยองจู พร้อมกับนักข่าวอีกจากหลากหลายประเทศ เจ้าหน้าที่ได้มีคำสั่งปิดถนนชั่วคราวเป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้ขบวนรถของบุคคลสำคัญสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการอารักขาความปลอดภัยภายในเมือง
ขณะที่รอบ ๆ หอประชุมที่ใช้ในการจัดงาน CEO Summit 2025 มีการตรึงกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยทุก ๆ 200 - 300 เมตร เจ้าหน้าที่ประจำการยืนอยู่ พร้อมกับรถตำรวจอยู่ทุก หัวมุมถนน
สังเกตเห็นได้ว่า ลานจอดรถหลายแห่ง เต็มไปด้วยรถบัสจอดเรียงรายหลายคัน คาดว่าเป็นพาหนะของผู้ที่เดินทางมาร่วมงานทั้งจากกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ และอีกส่วนหนึ่ง ผู้นำประเทศและผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกเดินทางมาจากเมืองปูซาน เนื่องจากมีสนามบินนานาชาติรองรับ
นี่คือบรรยากาศที่เกิดขึ้นในเช้าวันพุธที่ 29 ตุลาคม 2025 ในเมืองคยองจู เจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค (APEC) ประจำปี 2025 มีการขึ้นป้ายบิลบอร์ดตามท้องถนน " APEC 2025 KOREA, WELCOME TO GYEONGJU" เพื่อต้อนรับ บุคคลสำคัญระดับโลก ซีอีโอชื่อดังไปจนถึงนักธุรกิจรายย่อย รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่ตบเท้ากันเข้ามาร่วมการประชุม
ทั้งนี้ เกาหลีใต้ได้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดที่สุดทั่วทั้งเมืองเพื่อความปลอดภัยของผู้แทน โดยเฉพาะบริเวณ Bomun Tourist Complex ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดและมีผู้นำหลายคนเข้าพัก
รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ผู้นำรัฐและคณะผู้แทนส่วนใหญ่จะเดินทางมาถึงผ่านท่าอากาศยานนานาชาติกิมแฮในเมืองท่าปูซาน ทางตะวันออกเฉียงใต้ และเดินทางไปยังเมืองคยองจูโดยขบวนรถยนต์เพื่อเข้าร่วมการประชุม โดยประธานาธิบดีเปรูและคณะผู้แทนจากไต้หวันมีกำหนดเดินทางมาถึงในช่วงบ่ายวันอังคารที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนคณะผู้แทนจากนิวซีแลนด์ รัสเซีย ฮ่องกง ออสเตรเลีย ไทย แคนาดา และเวียดนามจะเดินทางมาถึงในวันนี้
ด้านสำนักงานตำรวจแห่งเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ได้เปิดใช้งานการแจ้งเตือนความปลอดภัยขั้นสูงสุดในจังหวัดคยองซังเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองคยองจู โดยเรียกระดมกำลังตำรวจ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยสามารถพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมรถจักรยานยนต์และรถยนต์สายตรวจ เข้าตรึงกำลังในพื้นที่ ตามเส้นทางขบวนรถบริเวณแหล่งท่องเที่ยวโบมุน
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางมาถึงเมืองปูซานแล้ว เข้าประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสหรัฐกับเกาหลีใต้ ก่อนการประชุมเอเปคจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2025 ซึ่งเขาจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ใน งานเลี้ยงอาหารกลางวันของการประชุมสุดยอด ซีอีโอเอเปคที่เมืองคยองจู
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เดินทางออกจากวอชิงตันเมื่อคืนวันศุกร์ (24 ต.ค. 2025) เพื่อเดินทางเยือนประเทศมาเลเซีย เพื่อลงนามข้อตกลงหยุดยิง หรือที่เรียกว่า “ข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์” ร่วมกับผู้นำมาเลเซีย ไทย และกัมพูชาในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทรัมป์เดินทางต่อไปยังญี่ปุ่นตามกำหนดการ และได้เข้าพบกับซานาเอะ ทาคิอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของญี่ปุ่นที่เพิ่งรับตำแหน่งไปหมาด ๆ ทั้งคู่ได้ถ่ายภาพจับมือร่วมกันที่พระราชวังอะกาซากะ ใจกลางกรุงโตเกียว
รอยเตอร์สรายงานว่า ระหว่างการเยือนครั้งนี้ หลายฝ่ายคาดว่าทรัมป์จะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในวันพฤหัสบดี 30 ตุลาคม แต่จะเดินทางกลับกรุงวอชิงตัน ก่อนที่การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกำหนดการที่ทำเนียบขาวประกาศ ขณะที่ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง จะเดินทางมาถึงในวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม 2568
การพบปะครั้งนี้ถือเป็นการพบกันแบบตัวต่อตัวครั้งแรกของผู้นำทั้งสอง นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์กลับเข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง และเป็นการพบกันครั้งแรกในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่การประชุม G20 ในปี 2019 ทรัมป์กล่าวว่า เขาคาดหวังว่าการพบปะกับสี จิ้นผิง จะประสบความสำเร็จและมีโอกาสสูงที่จะได้ "ข้อตกลงอันครอบคลุม"
ความคาดหวังนี้มีทั้งประเด็นแร่หายาก (Rare Earth Minerals) ที่ทรัมป์เรียกร้องให้จีนยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกแร่หายากที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ และประเด็นยาเฟนทานิล (Fentanyl) ซึ่งทรัมป์ต้องการให้จีนให้ความร่วมมือในการควบคุมการลักลอบค้ายาเสพติดชนิดนี้เข้าสู่สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงใช้มาตรการภาษีเป็นเครื่องต่อรอง โดยยังคงขู่ที่จะบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่ม 100% ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ หากการเจรจาไม่บรรลุผลที่น่าพอใจ
คยองจูเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เคยเป็นอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรชิลลานานกว่า 1,000 ปี และเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก ซึ่งการเป็นเจ้าภาพ APEC ครั้งนี้เป็นโอกาสให้เกาหลีใต้ได้แสดงศักยภาพ บทบาทความเป็นผู้นำ และมรดกทางวัฒนธรรมสู่ประชาคมโลก
การเลือกเมืองคยองจูซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงโบราณ เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ เพื่อบรรลุเป้าหมายหลายด้าน โดยเฉพาะการนำเสนอคยองจูในฐานะ “พิพิธภัณฑ์ไร้กำแพง” เพราะเต็มไปด้วยโบราณสถาน สุสานหลวง และมรดกโลกของ UNESCO เช่น ถ้ำซอกกูรัมและวัดพุลกุกซา เป็นต้น การจัดงานในคยองจูช่วยให้เกาหลีใต้สามารถนำเสนอภาพลักษณ์ที่ลึกซึ้งและแตกต่างออกไป จากเมืองใหญ่อย่างโซลหรือปูซาน โดยเน้นย้ำถึง รากฐานทางวัฒนธรรมที่มั่นคง และความรุ่งเรืองในอดีต
นอกจากนี้ คยองจูกำลังพัฒนาเป็นเมืองที่ทันสมัยทางวิทยาศาสตร์ โดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมด้านนวัตกรรม เช่น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต
ผู้ว่าการเมืองคยองจู จู นัค-ยอง กล่าวให้การต้อนรับนักลงทุนต่างชาติ ระบุว่า เมืองคยองจู กำลังก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการลงทุน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยวชาญสูง และการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งด้านมรดกทางวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวอันอุดมสมบูรณ์ของคยองจูในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอัจฉริยะ
ที่สำคัญยังส่งเสริมการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นฐานการผลิตเซมิคอนด็ดักเตอร์ของเกาหลีใต้ รวมถึงแบตเตอรี เทคโนโลยีชีวภาพ ยานยนต์แห่งอนาคต โดยได้พานักลงทุนเดินชมนิทรรศการ และสำรวจนวัตกรรมใหม่ ๆ
อย่างไรก็ตาม คยองจูยังส่งเสริมการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมวัสดุและส่วนประกอบ (Materials and Components) เพื่อสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน