คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ระบุในข้อความที่ส่งต่อสื่อมวลชนว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธตกในทะเลตะวันออกเมื่อเช้าวันพุธ (22 ตุลาคม 68) โดย JCS สามารถตรวจจับการยิงขีปนาวุธหลายลูกได้เมื่อเวลาประมาณ 08.10 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเกาหลี หรือประมาณ 06.10 น. ตามเวลาประเทศไทย
คาดการณ์ว่า ขีปนาวุธเหล่านั้นน่าจะเป็นขีปนาวุธระยะสั้น ซึ่งยิงมาจากเมืองจองฮวา จังหวัดฮวางแฮเหนือ ประเทศเกาหลีเหนือ และบินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร
JCS ยังระบุอีกด้วยว่า กองทัพจะเสริมกำลังตรวจตราและเฝ้าระวัง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการยิงขีปนาวุธเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นได้
เกาหลีเหนือไม่ได้ทดสอบยิงขีปนาวุธมาหลายเดือนแล้ว และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ นับตั้งแต่อี แจมยอง ขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และยังเกิดขึ้นก่อนโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ Spotlight ชวนวิเคราะห์ การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือครั้งล่าสุดนี้ อาจมีอะไรซ่อนอยู่?
หลังจากได้รับรายงานดังกล่าว สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (ONS) ของทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้จัดการประชุมฉุกเฉินทันที
เนื่องจากการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดนี้ของเกาหลีเหนือ เป็นการทดสอบอาวุธครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดี อี แจมยอง เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยการทดสอบขีปนาวุธครั้งสุดท้ายของเกาหลีเหนือมีขึ้นในวันที่ 8 และวันที่ 22 พฤษภาคม ก่อนจะเงียบสงบมานานถึง 5 เดือน
ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม และเสนาธิการร่วม โดยแถลงการณ์ระบุว่า “ที่ประชุมได้ทบทวนมาตรการตอบสนองทางทหาร และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี”
สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธเพิ่มเติม และจะพิจารณามาตรการที่จำเป็นต่อไป
ทั้งนี้ การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดถูกตรวจจับได้แบบเรียลไทม์ และมีการรายงานรายละเอียดต่อประธานาธิบดีโดยตรง
หากเราไปย้อนดูนโยบายของอี แจมยองที่มีต่อเกาหลีเหนือ จะพบว่า เขามุ่งมั่นที่จะคลี่คลายความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ แต่ยังยึดมั่นในเป้าหมายปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี และการส่งคืนสิทธิ์ควบคุมปฏิบัติการทางทหารช่วงสงครามจากสหรัฐฯ สู่เกาหลีใต้
เหตุการณ์ดังกล่าวยังเกิดขึ้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่เกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย–แปซิฟิก หรือ APEC ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายนนี้ ที่เมืองคยองจู ประเทศเกาหลีใต้
สำนักข่าว AP รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายได้เตือนล่วงหน้าว่า เกาหลีเหนืออาจดำเนินการทดสอบขีปนาวุธเชิงยั่วยุก่อนหรือระหว่างการประชุม APEC เพื่อแสดงจุดยืนว่าต้องการให้ประชาคมระหว่างประเทศยอมรับตนในฐานะรัฐที่มีอาวุธนิวเคลียร์
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีเหนือปฏิเสธการที่นานาประเทศสั่งแบนโครงการพัฒนาอาวุธ โดยยืนยันว่า โครงการดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อป้องกันประเทศจากภัยคุกคามของ “ศัตรู” อย่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้
ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก ทรัมป์เคยพบกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือมาแล้ว และเมื่อไม่นานนี้ ทรัมป์ได้กล่าวว่า เขาหวังจะได้พบกับคิมอีกครั้งภายในปีนี้
ด้านเกาหลีเหนือแถลงว่า นายคิมเปิดกว้างต่อการเจรจากับทรัมป์ในอนาคต แต่ย้ำชัดว่า เกาหลีเหนือจะไม่ยอมปลดระวางอาวุธนิวเคลียร์ของตนอย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือก่อนงานสำคัญก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งผู้นำสมัยสองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือก็มีการทดสอบขีปนาวุธหลายลูก