ฮามาสขอคำมั่นอิสราเอล สงครามต้องจบจริง ยอมตกลง ไม่ปกครองกาซาต่อ
7 ตุลาคม 2568 จบการหารือยุติสงครามกาซา วันที่ 2 เจ้าหน้าที่ฮามาสกล่าวว่า ต้องการการการันตีจากอิสราเอลว่าสงครามในฉนวนกาซาจะจบลง และถอนกำลังออกจากพื้นที่ปาเลสไตน์ ตามแผนการข้อเสนอ 20 ข้อของทรัมป์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความคืบหน้าหารือยุติสงคราม คุยกรอบเวลาและจุดยืน
จบลงไปแล้ว สำหรับการหารือวันที่สองเพื่อยุติสงครามกาซาระหว่างคณะเจรจาอิสราเอลและฮามาส ซึ่งเกิดขึ้นที่อียิปต์ในวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ตรงกับวันครบรอบ 2 ปีฮามาสโจมตีอิสราเอล ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สนับสนุนการเจรจาครั้งนี้กล่าวว่า วันที่ 2 จบลงพร้อม “การเปลี่ยนแปลงแท้จริง”
คณะเจรจาฝ่ายปาเลสไตน์ยืนยันในหลักการ “ยืนหยัดต่อต้านทุกวิถีทาง” และ “ไม่มีใครมีสิทธิยกปืนใส่ชาวปาเลสไตน์” ผ่านแถลงการณ์ ตอบโต้ข้อเรียกร้องของทรัมป์ที่ขอให้มีการปลดอาวุธ ซึ่งกลุ่มฮามาสยืนยันมาตลอดว่าเป็นขอบเขตที่กลุ่มจะไม่ทำ
เจ้าหน้าที่อาวุโสกลุ่มฮามาส เฟาซี บาร์ฮูม (Fawzi Barhoum) กล่าวว่า คณะเจรจาต้องการจบสงครามและ “ให้ถอนกองกำลังออกอย่างสมบูรณ์” ออกจากฉนวนกาซา แต่แผนการของทรัมป์ไม่ได้ระบุกรอบเวลาชัดเจนว่ากำลังพลจะเคลื่อนออกเมื่อใด
ตัวแทนกลุ่มฮามาส ผู้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Al Jazeera โดยไม่ระบุตัวตนกล่าวว่า หัวข้อหลักในการเจรจาวันที่ 2 คือเรื่องกำหนดเวลาการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล และการถอนกำลังของกองกำลังอิสราเอล ซึ่งฮามาสวางแผนปล่อยตัวประกันเมื่อมีการถอนกองกำลังอิสราเอลออกจากฉนวนกาซาแล้ว โดยขณะนี้ยังมีตัวประกันชาวอิสราเอล 48 คนถูกคุมขังอยู่ในกาซา เชื่อว่าในจำนวนนั้น 20 คนยังมีชีวิตอยู่
ผู้นำคณะเจรจาฝั่งฮามาส คาลิล อัล-ฮัยยา กล่าวว่า กลุ่มไม่ “เชื่อใจฝ่ายผู้ยึดครองแม้สักวินาที” และกล่าวว่า ฮามาสต้องการ “การยืนยันอย่างแท้จริง” ว่าสงครามจะจบลงถาวร และไม่ปะทุขึ้นมาใหม่ ทั้งยังกล่าวโทษอิสราเอลว่าเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 2 ครั้งที่ผ่านมา
ด้านนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เปิดเผยแถลงการณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปีการโจมตีของฮามาส ระบุว่า สงครามตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเป็น “สงครามเพื่อการดำรงอยู่และอนาคตของเรา”
ทั้งยังกล่าวอีกว่า วันนี้อิสราเอลอยู่ใน “ช่วงเวลาการตัดสินใจอันน่าเศร้า” แต่ไม่ได้พูดถึงข้อตกลงหยุดยิงอย่างตรงไปตรงมา หากพูดเพียงแค่เขา “มุ่งหมายจะทำให้จุดประสงค์ของสงครามสำเร็จ” นั่นคือ การนำตัวประกันคืนมา ลบล้างการครองอำนาจของฮามาส และทำให้แน่ใจว่ากาซาจะไม่เป็นภัยต่ออิสราเอล
สัญญาณดี คุยแผนฟื้นฟู-ปกครองกาซาหลังสงคราม
แม้สองฝ่ายจะไม่ยอมถอยจากจุดยืนมุ่งมั่นของตนเอง แต่การเจรจาครั้งนี้มีสัญญาณที่ดีกว่าครั้งไหน เนื่องจากสองฝ่ายต่างเห็นด้วยกับแผนการของทรัมป์ในหลายข้อ
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ มาเจ็ด อัล-อันซารี (Majed al-Ansari) กล่าวว่าประเทศผู้ไกล่เกลี่ย อันได้แก่กาตาร์ อียิปต์ และตุรกี วางท่าทียืดหยุ่น และพัฒนาแนวคิดเรื่องการหยุดยิงต่อ
“เราไม่ยึดติดกับแนวคิดที่ประเมินไว้ก่อนการเจรจา เราพัฒนาแนวทางกันระหว่างการพูดคุย ซึ่งคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้” อัล-อันซารีกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามสำคัญอีกข้อคือ ใครจะเป็นคนปกครองฉนวนกาซาหลังสงครามจบลง? และใครจะเป็นผู้สนับสนุนทุนการฟื้นฟูเมืองขึ้นใหม่?
ทรัมป์และเนทันยาฮูปฏิเสธไม่ให้กลุ่มฮามาสมีส่วนร่วมในการบริหารงานใด ๆ และเสนอให้กลุ่มปาเลสไตน์ “เทคโนแครต” ดูแลกิจการประจำวัน ภายใต้โครงสร้างการปกครองชั่วคราวนานาชาติชื่อ Board of Peace ที่จะมีทรัมป์กำกับดูแลด้วยตัวเอง คู่กับอดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร โทนี แบลร์
ด้านบาร์ฮูมกล่าวว่า ต้องการเห็นกระบวนการฟื้นฟูปาเลสไตน์เริ่มต้นขึ้นทันที ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานปาเลสไตน์ และฮามาสตกลงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปกครองพื้นที่ฉนวนกาซาในอนาคตหลังสงครามสิ้นสุดลง
การเจรจาที่จะเกิดขึ้นวันพุธ ซึ่งเป็นวันที่สาม จะมีผู้เข้าร่วมเพิ่มเติม อาทิ นายกรัฐมนตรีกาตาร์ เชค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน บิน จาสซิม อัลธานี, สตีฟ วิทคอฟฟ์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ และจาเร็ด คุชเนอร์ จากฝ่ายสหรัฐฯ
การโจมตียังคงเดินหน้า
แม้การเจรจาจะมีความคืบหน้าตามลำดับ แต่ไม่ได้หยุดการโจมตีภาคพื้นดิน โดรนและเครื่องบินรบยังคงปรากฏเหนือน่านฟ้าฉนวนกาซา พุ่งเป้าเขตที่อยู่อาศัยซับรา (Sabra) และทัลอัลฮะวา (Tal al-Hawa) ใกล้กับกาซาซิตี และค่ายผู้ลี้ภัยชาตี
วันอังคารที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่น Wafa รายงานว่า มีชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารอย่างน้อย 10 คน และมีชาวกาซาถูกสังหารโดยอิสราเอลอย่างน้อย 104 คน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 2568 วันที่ทรัมป์สั่งให้อิสราเอลหยุดโจมตีกาซา
เนื่องในวาระครบรอบเหตุการณ์ดังกล่าว องค์กร Armed Conflict Location & Event Data Project (ACLED) ซึ่งเป็นหน่วยเฝ้าระวังความขัดแย้งที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ รายงานว่า ฉนวนกาซาเผชิญกับการโจมตีทางอากาศและโดรนมากกว่า 11,110 ครั้ง และการยิงปืนใหญ่หรือปืนครกอย่างน้อย 6,250 ครั้งตลอดช่วงสงครามที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตในกาซาคิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนผู้เสียชีวิตจากความขัดแย้งทั่วโลกในช่วงสองปีที่ผ่านมา ด้านกระทรวงสาธารณสุขกาซาระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เสียชีวิต 1,701 คน ในระหว่างสงครามครั้งนี้
ที่มา: Al Jazeera
