10 กันยายน 2568 กลุ่มติดอาวุธฮามาสเปิดเผยว่า สมาชิกของกลุ่ม 5 คนถูกสังหารในการโจมตีของอิสราเอลที่กรุงโดฮา เมืองหลวงกาตาร์ แต่ยังยืนยันว่า ความพยายามของอิสราเอลที่จะสังหารคณะเจรจาของฮามาสไม่บรรลุผล
กลุ่มฮามาสกล่าวว่า ขณะนั้นคณะเจรจากำลังประชุมหารือเกี่ยวกับข้อเสนอหยุดยิงในกาซาฉบับล่าสุดของสหรัฐฯ โดยประชุมกัน ณ ที่พักในกรุงโดฮา ซึ่งขณะนี้ถูกทำลายจนยับเยินแล้ว
การโจมตีทางอากาศครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 เป็นความพยายามของอิสราเอลที่จะสังหารผู้นำทางการเมืองของฮามาส นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮูกล่าวว่า การโจมตี “มีความชอบธรรมอย่างเต็มที่” เนื่องจากเป้าหมายคือ ผู้นำกลุ่มฮามาสที่เป็นคนโจมตีอิสราเอลในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 และเป็นจุดเริ่มต้นสงครามกาซา
เนทันยาฮูและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล อิสราเอล คาทซ์ กล่าวว่า อิสราเอลได้เตรียมการโจมตีมาตั้งแต่วันจันทร์ หลังการโจมตีที่กรุงเยรูซาเล็ม เหตุกราดยิงโดยมือปืนชาวปาเลสไตน์ 2 คน ที่ป้ายรถในเมืองหลวงอิสราเอล ทำให้มีชาวอิสราเอลเสียชีวิต 6 คน รวมถึงการโจมตีค่ายทหารอิสราเอลในกาซา ทำให้มีทหารอิสราเอลเสียชีวิต 4 นาย
ด้านกองทัพอิสราเอล และตำรวจและหน่วยข่าวกรองในประเทศของอิสราเอล (Shin Bet) กล่าวในแถลงการณ์ว่า พวกเขาได้ดำเนินการโจมตีที่ “แม่นยำ และมุ่งเป้าไปที่ผู้นำอาวุโส” ของกลุ่มฮามาส
หนึ่งในผู้เสียชีวิตคือ คาลิล อัล-เฮย์ยา (Khalil al-Hayya) หนึ่งในผู้นำการเจรจาและลูกชายของหัวหน้ากลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา
เจ้าหน้าที่กาตาร์กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ยังสังหารเจ้าหน้าที่กองกำลังภายในของกาตาร์ไปหนึ่งคน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน
หลังการโจมตี การตาร์ประณามอิสราเอล กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ “ขี้ขลาด” และเป็นการ “ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง” และยังกล่าวว่า อิสราเอลเป็นชาติที่ทรยศและมีส่วนร่วมในการก่อการร้าย
เชค มุฮัมมัด บิน อับดุรเราะฮ์มาน บิน ญาสซิม อัษษานี (Sheikh Mohammed bin Abdulrahman bin Jassim Al-Thani) นายกรัฐมนตรีกาตาร์กล่าวว่า การโจมตีทางอากาศครั้งนี้ทำให้การเจรจาหาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและฮามาสสะดุดลง
เชค ตะมีม บิน ฮะมัด อา ษานี (His Highness Sheikh Tamim bin Hamad Al-Thani) เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ กล่าวถึงแนวทางในการตอบโต้
“กาตาร์ขอสงวนสิทธิ์ในการตอบโต้ต่อการโจมตีอย่างโจ่งแจ้งครั้งนี้ และจะใช้มาตราการจำเป็นในการตอบโต้” ประมุขกล่าว
กาตาร์เป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ และเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศอัล-อูเดด ฐานทัพสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง กาตาร์ทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยในความขัดแย้งครั้งนี้เช่นเดียวกับอียิปต์
เมื่อถูกถามถึงสถานการณ์ครั้งนี้ ทรัมป์ตอบว่าเขาไม่พอใจนัก
“ผมไม่รู้สึกดีใจกับเรื่องนี้หรอก [...] ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดี แต่ผมจะบอกว่า เราต้องการตัวตัวประกันกลับมา แต่ไม่ได้ดีใจกับแนวทางที่เกิดขึ้นตอนนี้”
ทรัมป์กล่าวว่า การโจมตีฮามาสนั้นสมควรแล้ว แต่เขารู้สึกไม่ดีที่การโจมตีนั้นเกิดขึ้นในรัฐอ่าวอาหรับ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของวอชิงตันนอกเขตนาโต ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่กลุ่มอิสลามปาเลสไตน์มีฐานเสียงทางการเมืองยาวนาน
“การโจมตีฝ่ายเดียวในกาตาร์ ประเทศอธิปไตยและพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ ที่ทำงานอย่างหนัก และเสี่ยงอย่างกล้าหาญกับเราเพื่อเจรจาสันติภาพ ไม่สร้างประโยชน์ให้เป้าหมายของอิสราเอลหรืออเมริกา [...] อย่างไรก็ตาม การลบล้างฮามาส ผู้หาผลประโยชน์จากความทุกข์ยากของคนในกาซา เป็นเป้าหมายที่คุ้มค่า”
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters โดยไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า สหรัฐฯ ได้รับการเตือนจากอิสราเอลก่อนการโจมตีในระยะสั้น แต่ไม่มีการให้การช่วยเหลือหรือคำอนุญาตจากสหรัฐฯ
นอกจากนี้ การโจมตียังถูกประณามจากอีกหลายประเทศ อาทิ ซาอุดิอาราเบีย อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหภาพยุโรป ทั้งยังเสี่ยงล่มแผนการเจรจาหยุดยิงในกาซาที่ทรัมป์พยายามผลักดันอีกด้วย