คณะกรรมการตรวจคนเข้าเมืองและผู้ลี้ภัยของแคนาดาเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยในแคนาดาในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 มากกว่าทั้งปี 2024 และมากกว่าทุกปีนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา
จากจำนวนผู้ขอลี้ภัยทั้งหมดราว 55,000 ราย มีชาวสหรัฐฯ อยู่ 245 ราย และในอดีต อัตราการตอบรับคำขอลี้ภัยจากสหรัฐฯ ของแคนาดานับว่ามีอัตราต่ำ สำหรับผู้ลี้ภัยสัญชาติอื่นที่ข้ามพรมแดนทางบกมาจากสหรัฐฯ แคนาดาจะปฏิเสธ และจะถูกส่งกลับภายใต้ข้อตกลงทวิภาคี ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาควรยื่นขอลี้ภัยใน “ประเทศปลอดภัย” แรกที่พวกเขามาถึง
ปีที่แล้วมีชาวสหรัฐฯ จำนวน 204 คนยื่นคำขอสถานะผู้ลี้ภัยในแคนาดา ให้เหตุผลว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ข่มเหงพวกเขา นอกจากนี้หากมองย้อนไปช่วงรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก คำขอจากสหรัฐฯ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ข้อมูลไม่ได้ระบุต้นสายปลายเหตุของคำกล่าวอ้างเหล่านี้ของผู้ขอลี้ภัย แต่ทนายความ 8 คนบอกกับ Reuters ว่า พวกเขาต่างได้รับการติดต่อจากชาวสหรัฐฯ ข้ามเพศที่ต้องการย้ายออกมากขึ้น
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และศาลสูงสหรัฐฯ มีนโยบายต่อต้านความหลากหลายและสิทธิของคนข้ามเพศ โดยจำกัดสิทธิการผ่าตัดแปลงเพศ การรับราชการทหาร การใช้ห้องน้ำ และการเล่นกีฬาในบางประเภทของคนข้าเพศ
การจะได้รับสถานะผู้ลี้ภัยนั้น ผู้ลี้ภัยต้องโน้มน้าวคณะกรรมการตรวจคนเข้าเมืองและผู้ลี้ภัยของแคนาดาเชื่อว่า ไม่มีที่ใดในสหรัฐฯ ที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาอีกแล้ว
ในขณะเดียวกันโฆษกกระทรวงความมั่นคงภายในสหรัฐฯ กล่าวว่า การที่มีผู้ที่ยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยในแคนาดามากขึ้น จะทำให้มีที่ว่างสำหรับบุคคลที่ “เผชิญกับความกลัวและการข่มเหงอย่างแท้จริง” ในสหรัฐฯ มากขึ้น