สื่อนอกชี้เพื่อนรักทรยศ? ชนวนไทย-เขมรปะทะ มองกองทัพไทยเหนือกว่าอีกฝ่าย
สื่อต่างชาติยังคงจับตามองสถานการณ์การปะทะริมชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา โดยบีบีซี สื่อของอังกฤษ วิเคราะห์สถานการณ์อย่างน่าสนใจว่า เบื้องหลังสงครามครั้งนี้มีเรื่องมิตรภาพของสองตระกูลใหญ่อยู่เบื้องหลัง ส่วนซีเอ็นเอ็น สื่อของสหรัฐฯ ยกให้กองทัพไทยเหนือกว่าทั้งด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
BBC วิเคราะห์ยาวถึงความสัมพันธ์สองตระกูล เบื้องหลังสงคราม
สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ สื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลกรายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาเลวร้ายลงอย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา เมื่อฮุน เซน ผู้นำของกัมพูชา สร้างความอับอายครั้งใหญ่ให้แก่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย จากการปล่อยคลิปเสียงบทสนทนาเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งชายแดน ซึ่งทำให้ต่อมาแพทองธารถูกศาลสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ
ในบทสนทนาดังกล่าว แพทองธารเรียกอีกฝ่ายว่า “คุณลุง” และกล่าวตำหนิหนึ่งในผู้บัญชาการทหารระดับสูงของไทย กรณีดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวไทย และขณะนี้ ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาคำร้องเรื่องการเพิกถอนแพทองธารออกจากตำแหน่ง
แม้จะไม่ทราบแน่ชัดว่าทำไมฮุน เซนจึงทำเช่นนั้น นับเป็นการหักความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวใหญ่ นั่นคือตระกูลชินวัตรและตระกูลฮุนเลยทีเดียว
สื่อของอังกฤษรายงานว่า การที่แพทองธารโทรศัพท์คุยเช่นนั้น อาจจะเพราะเธอเชื่อว่า เธอสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยมิตรภาพของบิดาเธอ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเพื่อนมาอย่างยาวนานกับฮุน เซน
ย้อนไปในปี 2014 รัฐบาลที่นำโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกกองทัพทำรัฐประหาร ฮุน เซน ก็เปิดทางให้ผู้สนับสนุนตระกูลชินวัตรมาลี้ภัยในกัมพูชาชั่วคราว นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าทั้งสองยังร่วมมือกันในประเด็นลับ ๆ ภายในเงามืดอีกด้วย
แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ว่ามา การที่ฮุน เซนปล่อยคลิปเสียงของแพทองธารจคงดูเหมือนว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตระกูลจะไม่สู้ดีแล้ว และทักษิณกับฮุน เซนก็เปิดเผยถึงรอยร้าวของการทรยศหักหลัง จนนำไปสู่สงครามคำพูด แล้วมันก็นำไปสู่สงครามจริง
บีบีซีรายงานว่า รัฐบาลไทยตอบโต้การที่ทหารเหยียบกับระเบิดจนขาขาดเมื่อค่ำวันพุธที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมาด้วยการขับทูตกัมพูชาประเทศไทย และเรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับ แต่ขณะนี้ ไม่มีฝ่ายใดแสดงท่าทีว่าจะถอย เพราะทั้งสองประเทศต่างขาดผู้นำที่มีพลังและความมั่นใจมากพอที่จะประนีประนอมได้
บีบีซีวิเคราะห์ว่า ในฝั่งกัมพูชา นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตยังขาดประสบการณ์ และแม้จะเป็นบุตรชายของผู้นำเผด็จการคนก่อนอย่างฮุน เซน แต่เขาก็ยังไม่มีอำนาจในตัวเอง ขณะเดียวกันบิดาของเขา ฮุน เซน ก็ยังมีบทบาท และดูเหมือนจะพร้อมผลักดันความขัดแย้งให้รุนแรงขึ้น เพื่อเสริมภาพลักษณ์ชาตินิยมของตน
ส่วนฝั่งไทย รัฐบาลผสมที่เปราะบางซึ่งมีพรรคของทักษิณเป็นแกนนำ กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจซบเซา และแรงกดดันจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ จึงไม่สามารถแสดงความอ่อนแอในการรับมือกับกัมพูชาได้
CNN รายงาน กองทัพไทยเหนือกว่ากัมพูชา
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐฯ รายงานว่า การสู้รบระหว่างกัมพูชาและไทยในวันที่สอง เริ่มขึ้นหลายจุดตามแนวชายแดนที่ยังเป็นข้อพิพาท โดยรองโฆษกกองทัพไทยให้สัมภาษณ์ว่า เหตุปะทะเช้าวันนี้เริ่มเกิดขึ้นเมื่อเวลา 04:30 น. ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากกัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิง โดยใช้ทั้งอาวุธเบาและอาวุธหนัก
ในพื้นที่ กองทัพไทยได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กในช่วงเช้าวันศุกร์ เตือนประชาชนว่ากำลังดำเนินการกู้วัตถุระเบิดและเก็บกู้ศพในอำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งถูกโจมตีด้วยจรวดจากกัมพูชาเมื่อวันพฤหัสบดี
ขณะเดียวกัน ฝั่งกัมพูชา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย ตามข้อมูลจากโฆษกประจำจังหวัดอุดรมีชัย ซึ่งกล่าวว่า นับจนถึงเช้าวันศุกร์ สถานการณ์ยังคง “ตึงเครียดอย่างมาก”
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้ที่มีความสูสีกันนัก กองทัพไทยมีขนาดใหญ่กว่ากัมพูชาอย่างมาก ทั้งในด้านกำลังพลและอาวุธ โดยไทยมีทหารประจำการ 361,000 นาย มากกว่ากัมพูชาถึงสามเท่า
นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาได้จัดให้ไทยเป็นพันธมิตรหลักนอกนาโต้ (Major Non-NATO Ally) ทำให้ไทยได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ มาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี
