ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักรบจาก ชุมชนดรูซ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ได้ปะทะกับ ชาวเบดูอินติดอาวุธ ในเมืองสุไวดา ทางตอนใต้ของซีเรีย ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าก่อเหตุโจมตีอันโหดร้ายต่อกัน ด้าน ประธานาธิบดีอาห์เหม็ด อัล-ชารา ซึ่งรักษาการชั่วคราวหลังซีเรียเปลี่ยนการปกครอง ได้ส่งกองกำลังเข้าประจำการในพื้นที่ขัดแย้ง แต่กลับมีข้อกล่าวหาว่ากองกำลังของรัฐบาลเข้าร่วมโจมตีชาวดรูซด้วย ซึ่งเหตุรุนแรงนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 900 ราย
ก่อนหน้านี้ อิสราเอลได้ประกาศสนับสนุนชาวดรูซ และเข้าแทรกแซงด้วยการโจมตีกองกำลังของรัฐบาล รวมถึงกระทรวงกลาโหมในกรุงดามัสกัส เป็นเหตุให้อัล-ชารา ตัดสินใจประกาศหยุดยิงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (19 ก.ค. 68) ขณะที่กองกำลังความมั่นคงซีเรียถูกส่งไปยังสุไวดาเพื่อยุติการปะทะ ข้อตกลงนี้รวมถึงการยุติการโจมตีทางทหารของอิสราเอล ซึ่งอิสราเอลก็เห็นชอบด้วยเนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย โดยมีเงื่อนไขว่าพลเมืองชาวดรูซต้องได้รับการคุ้มครอง
กองทัพรัฐบาลได้ตั้งด่านตรวจเพื่อพยายามป้องกันไม่ให้มีผู้เข้าร่วมการต่อสู้เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงมีรายงานว่ามีเสียงปืนดังมาจากเมืองสุไวดาอย่างต่อเนื่อง สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า ยังคงพบเห็นเห็นชายติดอาวุธปล้นสะดมร้านค้าและวางเพลิงภายในเมือง ในวันเดียวกันนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอลได้แสดงความกังขาต่อคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีซีเรียที่จะปกป้องชนกลุ่มน้อยและชาวซีเรียทุกคน
ทั้งนี้ ชุมชนดรูซในเมืองสุไวดา นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ และไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ครองอำนาจอยู่ในซีเรีย โดยชาวดรูซเป็นชนกลุ่มน้อยในซีเรีย และมีพื้นเพอยู่ในอิสราเอลและเลบานอน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ด้านกิเดโอน ซาอาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า การเป็นส่วนหนึ่งของชนกลุ่มน้อยในซีเรียเป็นเรื่อง "อันตรายอย่างยิ่ง" และ "สิ่งนี้ได้พิสูจน์หลายครั้งในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา" ขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ให้คำมั่นสัญญาว่าจะป้องกันอันตรายต่อชาวดรูซในซีเรีย เนื่องจากความสัมพันธ์ที่พวกเขามีกับชาวดรูซที่อาศัยอยู่ในอิสราเอล
ความตึงเครียดที่ยืดเยื้อระหว่างชนเผ่าดรูซและเบดูอินในสุไวดาปะทุขึ้น ลุกลามกลายเป็นเหตุนองเลือดตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากการลักพาตัวพ่อค้าชาวดรูซบนทางหลวงที่มุ่งสู่กรุงดามัสกัส ตั้งแต่นั้นมา องค์กรสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียในสหราชอาณาจักร (SOHR) รายงานว่า เหตุดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 940 รายแล้ว
อย่างไรก็ตาม การประกาศหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและซีเรีย มีขึ้นโดย ทอม บาร์รัก ทูตพิเศษสหรัฐฯ ประจำซีเรีย เขากล่าวว่า "เราเรียกร้องให้ชาวดรูซ ชาวเบดูอิน และชาวสุหนี่ วางอาวุธลง และร่วมกับชนกลุ่มน้อยอื่นๆ สร้างอัตลักษณ์ซีเรียใหม่ที่เป็นหนึ่งเดียวด้วยสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองกับประเทศเพื่อนบ้าน"
ลีนา ซินยับ ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำตะวันออกกลาง รายงานจากซีเรียว่า ความรุนแรงต่อชาวดรูซได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ โฟลเกอร์ เทิร์ค หัวหน้าสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า สำนักงานของเขาได้รับรายงานที่น่าเชื่อถือซึ่งชี้ให้เห็นถึงการละเมิดและการใช้ความรุนแรงในเหตุปะทะ รวมถึงการประหารชีวิตโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม ซึ่งผู้ก่อเหตุที่ถูกกล่าวหาได้แก่ สมาชิกของกองกำลังความมั่นคงและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชั่วคราวของซีเรีย ตลอดจนกองกำลังติดอาวุธท้องถิ่นของดรูซและเบดูอิน
ทางฝั่งผู้นำซีเรียกล่าวว่า รัฐบาลของเขา "มุ่งมั่นที่จะปกป้องชนกลุ่มน้อยและนิกายทั้งหมดในประเทศ และกำลังดำเนินการเพื่อให้ผู้กระทำผิดทั้งหมดจากทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบ จะไม่มีใครรอดพ้นความรับผิดชอบ"