อินเดียเศรษฐกิจเติบโต เร็ว แรง ทะลุ ‘วรรณะ’
อินเดียยังมีวรรณะอยู่ไหม?
คำถามที่น่าสนใจ และยังถูกถามไถ่จากคนทั่วโลกก็คือ ผ่านมาหลายพันปีแล้ว ทุกวันนี้ อินเดียยังมีระบบวรรณะอยู่ไหม? คำตอบก็คือ แม้ว่ารัฐธรรมนูญอินเดียจะประกาศยกเลิกระบบวรรณะอย่างเป็นทางการไปตั้งแต่ปี 1950 และมีความพยายามในการแก้ไขความไม่เท่าเทียมกันมาโดยตลอด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอิทธิพลของระบบวรรณะยังคงปรากฏให้เห็นในสังคมอินเดียปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในชนบท หรือแม้แต่ในเมืองใหญ่ ๆ ก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“วัฒนธรรมการแต่งงานแบบคลุมถุงชน” สะท้อนแนวคิดระบบวรรณะที่ฝังรากลึกได้ดี เมื่อพ่อแม่ที่หาคู่ให้ลูก เฟ้นหาแต่บ่าวสาวที่อยู่ในวรรณะเดียวกัน และการแต่งงานข้ามวรรณะ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในบางครอบครัว การแต่งงานแบบพ่อแม่เลือกให้ ยังเป็นระบบที่แข็งแกร่ง หลายครั้งที่พ่อแม่ของหนุ่มสาว ไม่รู้จักอีกฝ่ายมาก่อน และมีระยะเวลาศึกษาดูใจกันน้อย ธุรกิจการสืบหาประวัติครอบครัวของอีกฝ่าย จึงยังเติบโตได้ดีในอินเดีย ซานเจย์ สิงห์ นักสืบเอกชนสำหรับการแต่งงาน เปิดเผยว่า บริษัทของ เราสืบประวัติให้บ่าวสาวกว่า 200 คดี เพื่อให้พวกเขารับรู้ข้อมูลก่อนงานแต่งจะเริ่ม ยิ่งถึงช่วงฤกษ์แต่งงานของอินเดีย ก็ยิ่งมีผู้คนติดต่อมาให้สืบประวัติพุ่งสูงขึ้น
นอกจากปัญหาที่เกิดขึ้นจะการแต่งงานแบบคลุมถุงชนแล้ว ในบางพื้นที่ก็ยังประสบปัญหาการเหยียดวรรณะต่ำ ซึ่งนำไปสู่การทำร้ายร่างกายกลุ่มคนดาลิท หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “คนจัณฑาล” ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี 2016 นี้เอง วิดีโอที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตแสดงให้เห็นชายดาลิตสี่คนถูกกลุ่มพิทักษ์วัวเฆี่ยนตีต่อหน้าธารกำนัลในเมืองอูนา รัฐคุชราต เพียงเพราะพวกเขากำลังถลกหนังวัว หาเลี้ยงชีพตามปกติของหมู่บ้านแห่งนี้ แต่การกระทำดังกล่าวขัดกับความเชื่อของคนวรรณะสูง ที่กินมังสวิรัติและนับถือว่าในฐานะพาหนะของพระเจ้า
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเกี่ยวกับวรรณะของอินเดียเกิดขึ้นท่ามกลางความเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียที่เดินหน้าได้ดีในเวทีโลก นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเชื่อว่า ความมั่งคั่งของผู้คนในประเทศจะช่วยให้ความเข็มงวดของระบบวรรณะเสื่อมความขลังลง เมื่อฐานะการใช้ชีวิตต่าง ๆ ของคนที่ถูกเรียกว่าวรรณะต่ำ สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ไม่ต่างจากคนวรรณะสูง หรืออาจดีกว่าด้วยซ้ำเมื่อมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงกว่า
ประเทศดาวรุ่งทางเศรษฐกิจ
อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยมีอัตราการเติบโตของ GDP สูงอย่างสม่ำเสมอ แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความผันผวน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง S&P Global Ratings ต่างคาดการณ์ว่าอินเดียจะยังคงรักษาระดับการเติบโตที่สูงกว่า 6% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการเติบโตที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่นๆ
ปัจจุบัน อินเดียได้ก้าวขึ้นเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก แซงหน้าญี่ปุ่นแล้ว และคาดการณ์ว่าจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก แซงหน้าเยอรมนี ภายในปี 2030 เรียกได้ว่าเป็น ประเทศดาวรุ่งทางเศรษฐกิจของโลก
เท่านั้นยังไม่พอ ด้วยอินเดีย มีประชากรวัยหนุ่มสาวและวัยทำงานจำนวนมาก ซึ่งเป็นกำลังซื้อสำคัญ คาดการณ์ว่า อาจมีชนชั้นกลางถึง 520 ล้านคนภายในปี 2025 แน่นอนตลาดผู้บริโภคจะขยายตัวขึ้น การเติบโตของชนชั้นกลางในอินเดีย ซึ่งรวมถึงผู้คนจากวรรณะต่างๆ ที่สามารถยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจได้ผ่านการศึกษาและอาชีพใหม่ๆ โดยเฉพาะในภาคบริการและเทคโนโลยี ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
เมื่อผู้คนมีรายได้สูงขึ้นและเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น วัฒนธรรมการบริโภคก็เริ่มจะ "ข้ามพ้น" ขอบเขตของวรรณะดั้งเดิมมากขึ้น สินค้าและบริการสมัยใหม่ เช่น สมาร์ทโฟน รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และการเดินทางท่องเที่ยว กลายเป็นสิ่งที่คนในวรรณะต่างๆ เข้าถึงได้มากขึ้น ทำให้เกิดรูปแบบการบริโภคที่หลากหลายและไม่ผูกติดกับสถานะทางสังคมแบบดั้งเดิมเสมอไป
รศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ผู้อำนวยการศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “รัฐบาลอินเดียพยายามสร้างโอกาส ทางเศรษฐกิจและอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อที่ว่าคนในประเทศจะได้ก้าวขึ้นมา พัฒนาตนเอง ซึ่งอินเดียสามารถลดความยากจนออกไป ถึง 250 - 300 ล้านคน ในจำนวนนี้มันมีไม่น้อยเลยที่มีประเด็นเรื่องวรรณะอยู่ แต่ครั้นเมื่อชาวอินเดียหลุดพ้นจากความยากจนตรงนี้ไปได้ และยืนด้่วยลำแข้งตัวเอง ก็จะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนที่สุดในการขจัดวรรณะออกไป”
นอกจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าบทบาทของอินเดียในการเป็นมหาอำนาจทางอารยธรรม ภาษา วัฒนธรรม หลายคนเชื่อว่ามีมานานแล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่วันนี้ อินเดียได้รับการยอมรับในเรื่องความเติบโตทางเศรษฐกิจ ความแข็งแกร่งทางการทหาร อินเดียแสดงความกล้า มีจุดยืน มีปาก มีเสียง ไม่ยอมทำตามหลายประเทศ เพราะมองว่าตนคือประเทศที่สามารถคิดเองได้ ดำเนินเองได้ มันเริ่มส่งผลให้คนในประเทศเริ่มเห็นแล้วว่าเขากำลังทะยานขึ้นมา อย่างต่อเนื่องและจะเป็นประเทศที่สำคัญมากในเวทีโลก
