ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยวานนี้ (7 กรกฎาคม) ว่า เขามีแผนที่จะส่งอาวุธป้องกันตัวเพิ่มเติมให้แก่ยูเครน หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยุติการส่งความช่วยเหลือชั่วคราวเมื่อสัปดาห์ก่อน
ทรัมป์เปิดเผยว่าก่อนที่จะไปรับประทานอาหารค่ำกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลว่า เราจะส่งอาวุธไปเพิ่ม พวกเขาต้องสามารถปกป้องตนเองได้ และพวกเขากำลังถูกโจมตีหนัก สหรัฐฯ ต้องส่งอาวุธไปเพิ่ม
การเปิดเผยของทรัมป์มีขึ้น หลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของเขา ระงับการส่งอาวุธบางชนิดไปยังยูเครน รวมถึงขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ
แอนนา เคลลี ผู้ช่วยโฆษกของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ในช่วงเวลาที่มีการตัดสินใจระงับส่งความช่วยเหลือไปยังยูเครน คือช่วงที่ต้องผลักดันผลประโยชน์ของอเมริกามาก่อน
ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จำนวนหนึ่งกล่าวเป็นนัยถึงการทบทวนความช่วยเหลือของยูเครนว่าเกี่ยวข้องกับความพยายามของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่จะหันไปโฟกัสกับจีนมากขึ้น และเตรียมความพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้นในภูมิภาคแปซิฟิกในอนาคต ซึ่งเป็นประเด็นที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ให้ความสนใจ
เอลบริดจ์ โคลบี หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังคงจัดเตรียมทางเลือกที่หลากหลายเพื่อให้ประธานาธิบดีสามารถดำเนินการสนับสนุนทางทหารต่อยูเครนได้ ตามเป้าหมายของทรัมป์ที่ต้องการยุติสงคราม แต่ขณะเดียวกัน กระทรวงฯ ก็กำลังพิจารณาและปรับแนวทางเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งรักษาความพร้อมรบของกองทัพสหรัฐฯ เพื่อภารกิจป้องกันประเทศตามลำดับความสำคัญของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม รัสเซียแสดงความยินดีกับการหยุดส่งอาวุธบางส่วนให้ยูเครน โดยอ้างว่าสหรัฐฯ ทำเช่นนั้นเพราะอาวุธไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่ได้แสดงหลักฐานใด
เจ้าหน้าที่กู้ภัยยูเครนกำลังทำงานในอาคารพักอาศัยที่ได้รับความเสียหาย หลังเกิดการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธครั้งใหญ่ของรัสเซียในกรุงเคียฟเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ท่ามกลางการรุกรานยูเครนอย่างต่อเนื่องของรัสเซีย โดยยูเครนระบุว่าในวันที่ 4 กรกฎาคม รัสเซียได้เปิดการโจมตีทางอากาศกลางคืนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามมานานกว่า 3 ปี
ยูริ อิกนัต ตัวแทนกองทัพอากาศยูเครนกล่าวว่าการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธรวม 550 ลูกนี้ถือเป็นสถิติใหม่ พร้อมเสริมว่า นี่เป็นจำนวนมากที่สุดที่ศัตรูใช้โจมตีเพียงครั้งเดียว
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดด้านการสนับสนุนทางทหารให้ยูเครนนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 โดยจัดหาอาวุธระบบป้องกันทางอากาศ โดรน เครื่องยิงจรวด เรดาร์ รถถัง และอาวุธต่อต้านเกราะ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า คลังแสงของสหรัฐฯ จะร่อยหรอลง
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้หยุดการส่งอาวุธทั้งหมดให้ยูเครนในเดือนมีนาคม หลังมีการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดในห้องทำงานรูปไข่กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน แต่ทรัมป์กลับมาดำเนินการส่งอาวุธอีกครั้งราวหนึ่งสัปดาห์ต่อมา