นายโอเล็ก โคเซมยาโก ผู้ว่าการภูมิภาคปรีมอร์สกี ทางตะวันออกของรัสเซีย เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ก.ค. 68) ว่า พล.ต.มิคาอิล กูดคอฟ รองผู้บัญชาการกองทัพเรือรัสเซียถูกยูเครนสังหารในเขตเคิร์สค์ของรัสเซีย เขาเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของรัสเซียที่ถูกสังหารนับตั้งแต่เริ่มต้นการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเมื่อต้นปี 2022
ทั้งนี้ ผู้ว่าการคนดังกล่าวยังเปิดเผยว่า เขาเคยได้พูดคุยกันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แถมยังมอบรางวัลสำหรับความกล้าหาญแด่ พล.ต.มิคาอิล กูดคอฟ และยังได้กล่าวยกย่องว่าเขาเป็นนักรบผู้มีจิตใจเข้มแข็ง ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ร่วมกับเพื่อนทหาร อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตเพิ่มเติมไม่ได้ถูกกล่าวถึงในการประกาศครั้งนี้
ด้านกระทรวงกลาโหมของรัสเซียยืนยันการเสียชีวิตของกูดคอฟ โดยระบุว่าเขาเสียชีวิตในการสู้รบในภูมิภาคเคิร์สค์ ยังไม่มีความเห็นใด ๆ จากยูเครนในขณะนี้ ขณะที่สื่อรัสเซียรายงานเปิดเผยว่า กูดคอฟได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองหัวหน้ากองทัพเรือรัสเซียประจำกองกำลังชายฝั่งและภาคพื้นดินในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน
ปูตินกล่าวในเวลานั้นว่า เนื่องจากรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดเชื่อมั่นในประสบการณ์ของกูดคอฟและมองว่าจำเป็นต้องได้รับการถ่ายทอดไปยังหน่วยงานอื่น ๆ เขาจึงได้ตัดสินใจเลื่อนยศให้กูดคอฟไปยังตำแหน่งอื่น เพื่อเพิ่มระดับความรับผิดชอบให้สูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ กองทัพยูเครนกล่าวหาว่า กูดคอฟและนายทหารคนอื่น ๆ จากกองพลที่ 155 ของเขาเคยก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน รวมถึงการสังหารพลเรือนในเมืองบูชา อีร์ปิน และกอสโตเมล ในช่วงต้นสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงมีส่วนเกี่ยวข้องในการสังหารเชลยศึกชาวยูเครน อย่างไรก็ตาม รัสเซียปฏิเสธอย่างต่อเนื่องว่าไม่ได้ก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน แม้จะมีหลักฐานที่รวบรวมโดยยูเครนและนักสืบระหว่างประเทศก็ตาม
ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน บอกกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ว่า มอสโกจะไม่ละทิ้งเป้าหมายในการขจัด "สาเหตุหลัก" ของสงครามในยูเครน ด้านยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "รัสเซียจะไม่ยอมถอย" แม้ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะแสดงความพร้อมที่จะหาทางออกด้วยการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม
ทรัมป์กล่าวหลังจากการโทรศัพท์แบบคุยตรงว่า การเจรจานับว่า "ไม่มีความคืบหน้า" ใด ๆ ร่วมกับปูตินในที่จะนำไปสู่การหยุดยิง และยังกล่าวอีกว่า เขาไม่พอใจเกี่ยวกับสงครามในยูเครนที่เป็นอยู่ขณะนี้ การโทรศัพท์ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง และการพูดคุยระหว่างสองผู้นำในครั้งนี้ เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะระงับการส่งมอบอาวุธ บางประเภท ให้กับกรุงเคียฟ รวมถึงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานและปืนใหญ่นำวิถีแม่นยำ
ทรัมป์และปูตินไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องการระงับการส่งมอบอาวุธ ตามคำกล่าวของยูริ อูชาคอฟ ซึ่งกล่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้หยิบยกประเด็นการยุติสงครามโดยเร็วขึ้นมา แม้จะไม่มีการหารือถึงแนวโน้มของการพบปะกันแบบพบหน้า แต่ผู้นำทั้งสองก็ตกลงที่จะพูดคุยกันต่อไป อย่างไรก็ตาม อูชาคอฟกล่าวว่าแม้รัสเซียเปิดทางพูดคุยกับสหรัฐฯ ต่อไป แต่การเจรจาสันติภาพใด ๆ จะต้องเกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลมอสโกวและรัฐลบาลเคียฟเท่านั้น ชี้ให้เห็นว่ารัสเซียพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยแบบไตรภาคี โดยก่อนหน้านี้ จ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวว่าผู้เจรจาของรัสเซียขอให้นักการทูตสหรัฐฯ ออกจากห้องระหว่างการประชุมที่อิสตันบูลเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา